Jon Rahm คือหนึ่งในไอคอนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในวงการกอล์ฟยุคใหม่ ด้วยการคว้าแชมป์เมเจอร์ 2 รายการ ชัยชนะในทัวร์ระดับโลกหลายรายการ และผลงานอันสม่ำเสมอตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำให้เขาก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในนักกอล์ฟระดับแนวหน้าของโลกอย่างแท้จริง เขาเป็นตัวอย่างของนักกอล์ฟยุคใหม่ที่ไม่ได้พึ่งพาเพียงพละกำลังทางกาย แต่ยังผสมผสานด้วย ความฉลาดในการเล่น ความมั่นคงทางจิตใจ และบุคลิกที่แข็งแกร่ง
การตัดสินใจของ Rahm ในการเข้าร่วม LIV Golf อาจเปลี่ยนแปลงเส้นทางอาชีพของเขาในด้านอันดับโลก แต่ไม่ได้ลดทอนความน่าเชื่อถือหรือความสำเร็จที่เขาสั่งสมไว้ วงการกอล์ฟยังคงมองว่าเขาคือหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในยุคนี้ — และเส้นทางของเขายังห่างไกลจากคำว่าจบสิ้น
ด้วยความทุ่มเท ความเป็นมืออาชีพ และจิตใจที่เข้มแข็ง Jon Rahm ไม่เพียงเป็นแรงบันดาลใจให้กับแฟนกอล์ฟทั่วโลกเท่านั้น แต่ยังเป็น สัญลักษณ์แห่งแรงบันดาลใจ สำหรับนักกีฬารุ่นใหม่ที่ใฝ่ฝันจะก้าวสู่เวทีระดับโลกอีกด้วย นี่คือบทวิเคราะห์จาก GoGolf
ประวัติและเส้นทางการเริ่มต้นอาชีพของ Jon Rahm

Jon Rahm Rodríguez เกิดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ค.ศ. 1994 ที่เมืองเล็กชื่อ Barrika ในแคว้นบาสก์ (Basque Country) ประเทศสเปน เขาเติบโตในครอบครัวที่ห่างไกลจากความหรูหราของวงการกอล์ฟ แต่ความสนใจและพรสวรรค์ของเขาในกีฬานี้เริ่มปรากฏตั้งแต่อายุยังน้อย บิดาของเขา Edorta Rahm เป็นผู้แนะนำให้รู้จักกับกอล์ฟและคอยสนับสนุนอย่างเต็มที่ ส่วนมารดาซึ่งมาจากกรุงมาดริด มีบทบาทสำคัญในการปลูกฝัง วินัยและความมุ่งมั่น ให้กับลูกชาย
แม้จะมาจากสเปน แต่ Rahm เลือกเดินทางไปสหรัฐอเมริกาเพื่อศึกษาต่อและพัฒนาเส้นทางอาชีพกอล์ฟ เขาเข้าร่วมกับ Arizona State University และเป็นสมาชิกทีมกอล์ฟของมหาวิทยาลัย Arizona State Sun Devils ที่นั่น Rahm แสดงให้เห็นถึงความเหนือชั้นในระดับมหาวิทยาลัยด้วยการคว้าแชมป์รวมทั้งหมด 11 รายการ กลายเป็นหนึ่งในนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของทีม รองจากสถิติของตำนานกอล์ฟ Phil Mickelson เพียงเล็กน้อย
ความสามารถโดดเด่นของ Rahm ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง เขาคว้ารางวัล Ben Hogan Award ติดต่อกันสองปีซ้อน (ปี 2015 และ 2016) ซึ่งมอบให้แก่นักกอล์ฟระดับมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในสหรัฐอเมริกา ทำให้เขาเป็นนักกอล์ฟเพียงคนเดียวที่เคยได้รับรางวัลนี้ถึงสองครั้ง นอกจากนี้ Rahm ยังสร้างชื่อในเวทีนานาชาติด้วยการเป็น ผู้เล่นเดี่ยวอันดับหนึ่ง ในการแข่งขัน Eisenhower Trophy 2014 ซึ่งเป็นทัวร์นาเมนต์ทีมสมัครเล่นระดับโลก
ความสำเร็จของเขายังไม่หยุดเพียงเท่านั้น ในเดือนเมษายนปี 2015 Rahm ขึ้นสู่ อันดับหนึ่งของโลกใน World Amateur Golf Ranking (WAGR) และสามารถรักษาตำแหน่งนี้ได้ยาวนานถึง 60 สัปดาห์ — ซึ่งเป็นสถิติที่ยังไม่ถูกทำลายจนถึงปัจจุบัน เขายังได้รับ Mark H. McCormack Medal ในปีเดียวกันในฐานะนักกอล์ฟสมัครเล่นอันดับหนึ่งของโลก รางวัลนี้ทำให้เขาได้รับสิทธิ์เข้าร่วมการแข่งขัน The Open Championship และ U.S. Open ในปีถัดมา
การเข้าร่วม U.S. Open 2016 ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิต แม้ยังเป็นมือสมัครเล่น Rahm สามารถจบการแข่งขันในอันดับ T-23 (เสมอที่อันดับ 23) ซึ่งเป็นผลงานที่ดีที่สุดในหมู่นักกอล์ฟสมัครเล่นในปีนั้น เพียงไม่กี่วันหลังจากนั้น เขาประกาศเข้าสู่วงการ กอล์ฟอาชีพ (Professional) อย่างเป็นทางการ ปิดฉากเส้นทางมือสมัครเล่นที่เต็มไปด้วยความสำเร็จ
ก้าวแรกในฐานะนักกอล์ฟอาชีพของ Rahm โดดเด่นทันที เขาทำผลงานยอดเยี่ยมใน PGA Tour รวมถึงจบอันดับรองชนะเลิศในรายการ RBC Canadian Open เส้นทางจากเมืองเล็ก ๆ อย่าง Barrika จนกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลกของ Rahm คือ เรื่องราวแห่งความทุ่มเท ความสามารถ และความพยายามอันไม่สิ้นสุด ในวงการกีฬาที่แข่งขันสูงที่สุดในโลก
ความสำเร็จในอาชีพและชัยชนะอันยิ่งใหญ่ในวงการกอล์ฟ

หลังจากก้าวเข้าสู่วงการ กอล์ฟอาชีพในปี 2016 อย่างเป็นทางการ Jon Rahm ไม่เสียเวลาในการแสดงให้โลกเห็นถึงศักยภาพของเขา
ต้นปี 2017 Rahm คว้าแชมป์อาชีพครั้งแรกในรายการ Farmers Insurance Open ที่สนาม Torrey Pines เพียงไม่กี่เดือนหลังเริ่มต้นเส้นทางอาชีพ ความสำเร็จนี้ไม่เพียงพิสูจน์ว่าเขาเป็นนักกอล์ฟที่มีพรสวรรค์สูง แต่ยังสะท้อนถึง ความนิ่งและวุฒิภาวะทางจิตใจ ในการรับมือกับแรงกดดันระดับสูงสุด
เส้นทางของ Rahm เติบโตอย่างรวดเร็ว ในปีเดียวกันเขากวาดชัยชนะใหญ่ถึง 3 รายการ — หนึ่งรายการใน PGA Tour และอีกสองรายการใน European Tour (Rolex Series) ได้แก่ Irish Open และ DP World Tour Championship Dubai ซึ่งยกระดับเขาขึ้นสู่แถวหน้าของโลกกอล์ฟและทำให้เขาทะลุเข้าสู่ อันดับท็อป 10 ของโลก ภายในเวลาอันสั้น
จุดสูงสุดของการก้าวขึ้นเป็นซูเปอร์สตาร์ของ Rahm มาถึงในปี 2021 เมื่อเขาคว้าแชมป์ U.S. Open ที่ Torrey Pines — สนามเดียวกับชัยชนะครั้งแรกในอาชีพ ความสำเร็จนี้มีความหมายอย่างยิ่ง เพราะก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่สัปดาห์เขาถูกบังคับให้ถอนตัวจาก Memorial Tournament ขณะกำลังนำการแข่งขันหลังผลตรวจ COVID-19 เป็นบวก แต่ Rahm กลับมาอย่างแข็งแกร่ง ใน U.S. Open เขาเล่นได้อย่างยอดเยี่ยมและปิดท้ายด้วย สองเบอร์ดี้ติดต่อกันในสองหลุมสุดท้าย คว้าแชมป์เมเจอร์แรกของเขา พร้อมสร้างประวัติศาสตร์เป็น นักกอล์ฟชาวสเปนคนแรกที่ชนะ U.S. Open
ปี 2023 ก็ถือเป็นปีทองอีกครั้ง Rahm คว้าแชมป์ The Masters Tournament ที่ Augusta National ซึ่งเป็นหนึ่งในรายการที่ทรงเกียรติที่สุดในโลกกอล์ฟ เขาแสดงให้เห็นถึง ความสม่ำเสมอและความนิ่งทางอารมณ์ ตลอดสี่วันของการแข่งขัน ก่อนจะคว้า แชมป์เมเจอร์ที่สอง มาครองอย่างสง่างาม ยืนยันสถานะของเขาในฐานะหนึ่งในนักกอล์ฟที่ โดดเด่นที่สุดในยุคปัจจุบัน
นอกเหนือจากรายการเมเจอร์ Rahm ยังประสบความสำเร็จในทัวร์อื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง เขาคว้าแชมป์ Memorial Tournament 2021 ซึ่งจัดโดยตำนานกอล์ฟ Jack Nicklaus และขึ้นเป็น นักกอล์ฟมือหนึ่งของโลก (Official World Golf Ranking – OWGR) ผลงานของเขาเต็มไปด้วยการจบใน Top 10 หลายครั้ง สะท้อนถึง ความสม่ำเสมอและคุณภาพของเกมในทุกฤดูกาล
ในช่วงปี 2024–2025 แม้จะย้ายไปแข่งขันในรายการ LIV Golf Rahm ยังคงรักษามาตรฐานระดับสูงไว้ได้ เขาคว้า แชมป์เดี่ยวสองรายการติดต่อกัน แสดงให้เห็นถึงความสามารถที่ไม่ลดลง แม้การแข่งขันในลีกนี้จะ ไม่ให้คะแนนอันดับโลก (OWGR) ก็ตาม
ชัยชนะมากมายของ Jon Rahm คือผลลัพธ์ของ พละกำลังทางกายที่ยอดเยี่ยม กลยุทธ์การเล่นที่เฉียบแหลม และจิตใจที่มั่นคงเหนือชั้น เขาคือ สัญลักษณ์ของยุคใหม่แห่งกอล์ฟยุโรป ที่สามารถก้าวขึ้นมา ท้าทายและครองความยิ่งใหญ่ในระดับโลก ได้อย่างแท้จริง
สไตล์การเล่น สถิติ และเทคนิคที่อยู่เบื้องหลังความเหนือชั้นของ Jon Rahm
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Jon Rahm กลายเป็นนักกอล์ฟที่คู่แข่งเกรงกลัวในทุกทัวร์นาเมนต์ คือ สไตล์การเล่นที่ดุดันแต่ควบคุมได้อย่างสมบูรณ์แบบ Rahm มีวงสวิงที่เป็นเอกลักษณ์ — สั้นกว่านักกอล์ฟอาชีพส่วนใหญ่ แต่มีประสิทธิภาพสูง สร้างทั้งพลังและความแม่นยำได้พร้อมกัน วงสวิงลักษณะนี้เกิดจาก ข้อจำกัดด้านความยืดหยุ่นของข้อเท้า ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วัยเด็ก แต่กลับกลายเป็น จุดเด่นเฉพาะตัว ที่ทำให้เขาแตกต่างและทรงพลัง
ในเชิงสถิติ Rahm มักอยู่ในอันดับต้น ๆ ของโลกในตัวชี้วัดสำคัญ เช่น
- Strokes Gained: Total (ผลรวมความได้เปรียบจากทุกแง่มุมของเกม)
 - Driving Distance (ระยะไดรฟ์เฉลี่ย)
 - Greens in Regulation (ความแม่นยำในการตีขึ้นกรีน)
 
เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักกอล์ฟที่ ครบเครื่องที่สุดในโลก — ทั้งการตีไกลจากที ความแม่นยำในช็อตเข้ากรีน และพัตต์ที่มั่นคง ซึ่งเป็นการผสมผสานที่หาได้ยากในหมู่นักกอล์ฟระดับท็อป
อีกหนึ่งปัจจัยที่โดดเด่นคือ สภาพจิตใจในเกมแข่งขัน Rahm เคยเป็นที่รู้จักในฐานะผู้เล่นที่อารมณ์ร้อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาเรียนรู้ที่จะ ควบคุมอารมณ์และเปลี่ยนพลังนั้นให้เป็นแรงผลักดันในทางบวก ความมุ่งมั่นนี้ทำให้เขาโดดเด่นในสถานการณ์กดดันสูง และมักเป็นผู้เล่นที่ “ปิดเกมได้” เมื่อถึงเวลาสำคัญ
ความยืดหยุ่นทางกลยุทธ์ ของ Rahm ก็เป็นอีกจุดแข็งสำคัญ เขาสามารถปรับตัวได้กับสนามทุกรูปแบบ — ไม่ว่าจะเป็นสนามลมแรงในสหราชอาณาจักร สนามเร็วและแข็งในสหรัฐฯ หรือการแข่งขันทีมใน Ryder Cup ซึ่งเขาแสดงผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในนามทีมยุโรป
นอกจากนี้ Rahm ยังมีความสามารถในการ พลิกสถานการณ์จากความเสียเปรียบ ได้อย่างน่าทึ่ง ตัวอย่างเช่น ใน Masters 2023 เขาเคยตามหลังผู้นำ แต่สามารถค่อย ๆ ไล่ขึ้นมาและแซงจนคว้าแชมป์ในที่สุด รูปแบบการเล่นเช่นนี้เกิดซ้ำในหลายทัวร์นาเมนต์ใหญ่ แสดงให้เห็นว่าเขาไม่เพียงแข็งแกร่งทางเทคนิค แต่ยัง แข็งแกร่งทางจิตใจ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักของความสำเร็จระยะยาวในฐานะนักกอล์ฟอาชีพระดับโลก
ชีวิตส่วนตัวและอิทธิพลทางวัฒนธรรมของ Jon Rahm
เบื้องหลังผลงานอันยอดเยี่ยมในสนามกอล์ฟ Jon Rahm มีชีวิตส่วนตัวที่มั่นคงและเต็มไปด้วยคุณค่าครอบครัว เขาแต่งงานกับ Kelley Cahill เพื่อนร่วมมหาวิทยาลัยจาก Arizona State University เมื่อช่วงปลายปี 2019 ปัจจุบันทั้งคู่ตั้งถิ่นฐานอยู่ที่เมือง ฟีนิกซ์ รัฐแอริโซนา (Phoenix, Arizona) และมีบุตรหนึ่งคน Rahm เป็นคนที่ให้ความสำคัญกับครอบครัวอย่างมาก เขามักใช้เวลาว่างกับภรรยาและลูก และถือว่าครอบครัวคือแรงสนับสนุนหลักในทุกช่วงของชีวิต
Rahm ยังเป็นบุคคลที่ ภาคภูมิใจในรากเหง้าทางวัฒนธรรมของตนเอง เขาเป็นแฟนตัวยงของสโมสรฟุตบอล Athletic Bilbao จากบ้านเกิดในแคว้น Basque Country ความรักในทีมนี้ลึกซึ้งถึงขั้นที่เขาเคยได้รับเชิญให้เป็น แขกผู้มีเกียรติของสโมสร ในการแข่งขันเมื่อเดือนธันวาคมปี 2019 การยึดมั่นในอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมเช่นนี้สะท้อนให้เห็นว่า แม้จะก้าวสู่ความสำเร็จระดับโลก Rahm ก็ยังคง เรียบง่ายและไม่ลืมถิ่นกำเนิดของตนเอง
นอกจากชีวิตครอบครัวและอาชีพ Rahm ยังมีบทบาทในด้าน กิจกรรมการกุศลและการพัฒนากีฬาในประเทศสเปน เขาเป็นแรงบันดาลใจให้กับเยาวชน โดยเฉพาะในแคว้นบาสก์และทั่วประเทศสเปน ให้หันมาสนใจกีฬากอล์ฟในฐานะอาชีพ Rahm ไม่เพียงเป็นนักกอล์ฟระดับโลก แต่ยังเป็น แบบอย่างของความมุ่งมั่น ความภาคภูมิใจในรากเหง้า และจิตวิญญาณแห่งการแบ่งปันอีกด้วย

อันดับโลกและสถานะปัจจุบันของ Jon Rahm ในวงการกอล์ฟ
Jon Rahm เคยขึ้นครองตำแหน่ง นักกอล์ฟมือหนึ่งของโลก (Official World Golf Ranking – OWGR) รวมทั้งสิ้น 60 สัปดาห์ ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่น่าทึ่ง ท่ามกลางการแข่งขันอันเข้มข้นในยุคกอล์ฟสมัยใหม่ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เขาย้ายไปเข้าร่วมการแข่งขันในลีก LIV Golf ช่วงปลายปี 2023 อันดับของเขาใน OWGR ก็เริ่มลดลง เนื่องจากรายการในลีกนี้ ไม่ได้มอบคะแนนสะสม OWGR
ณ เดือน กันยายน 2025 Rahm อยู่ในอันดับที่ 81 ของโลก แม้ตัวเลขนี้จะดูห่างไกลจากจุดสูงสุดที่เขาเคยทำได้ แต่ควรเข้าใจว่า การลดอันดับไม่ได้สะท้อนถึงฟอร์มการเล่นที่ตกลง หากแต่เป็นผลจากระบบการจัดอันดับที่ไม่รวมคะแนนจากทัวร์ LIV เท่านั้น ในความเป็นจริง Rahm ยังคงรักษาฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม และสามารถคว้าแชมป์ได้หลายรายการในช่วงสองฤดูกาลล่าสุด
นอกจากนี้ Rahm ยังคงมีสิทธิ์ เข้าร่วมแข่งขันในรายการเมเจอร์หลัก จากผลงานในอดีต เช่น การเป็นแชมป์ The Masters และ U.S. Open ซึ่งมอบสิทธิ์เข้าร่วมโดยอัตโนมัติหลายปีต่อเนื่อง ด้วยศักยภาพและความมุ่งมั่นที่เขามีอยู่ ยังคงมีโอกาสสูงที่ Rahm จะกลับมาทวงตำแหน่งระดับท็อปอีกครั้ง หากระบบ OWGR ปรับปรุงให้รวมการแข่งขันจาก LIV Golf ในอนาคต
[ Follow our social media Account: GoGolf Instagram | GoGolf Facebook | GoGolf X ]