การเล่นกอล์ฟไม่ได้เป็นเพียงแค่การตีลูกให้ลงหลุมเท่านั้น ภายใต้ความเรียบง่ายบนพื้นผิว กอล์ฟเป็นกีฬาที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยกลยุทธ์ ซึ่งต้องอาศัยความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับเทคนิค มารยาท และภาษาหรือคำศัพท์เฉพาะที่ใช้ในเกม หนึ่งในความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดสำหรับผู้เล่นมือใหม่คือการทำความเข้าใจกับคำศัพท์ทางเทคนิคต่าง ๆ ในกอล์ฟ ซึ่งส่วนใหญ่มีที่มาจากภาษาอังกฤษ และมักสร้างความสับสนเมื่อลงสนามจริง
ตามมุมมองของ GoGolf การเข้าใจคำศัพท์กอล์ฟเป็นสิ่งสำคัญ ไม่เพียงเพื่อป้องกันความสับสนระหว่างเล่น แต่ยังช่วยยกระดับการสื่อสารกับเพื่อนนักกอล์ฟ โค้ช และแคดดี้ได้ดียิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระหว่างซ้อมที่ไดร์ฟกอล์ฟหรือเข้าร่วมแข่งขัน การใช้คำศัพท์ที่ถูกต้องจะช่วยประสานงานได้ง่ายขึ้นและทำให้ดูเป็นมืออาชีพมากขึ้น เช่น เมื่อโค้ชแนะนำว่า “ใช้ punch shot เพื่อหลบสิ่งกีดขวาง” ผู้เล่นจะต้องเข้าใจทันทีว่าหมายถึงการตีลูกให้ต่ำเพื่อหลบกิ่งไม้หรือรับมือกับลมแรง
นอกจากนี้ ยังมีเทคนิคและกลยุทธ์มากมายที่ไม่สามารถอธิบายได้หากไม่เข้าใจคำศัพท์เฉพาะ เช่น approach shot, chip, หรือ putt ซึ่งแต่ละแบบมีลักษณะและวิธีการตีที่แตกต่างกัน รวมถึงต้องใช้การฝึกซ้อมเฉพาะทาง เมื่อผู้เล่นเข้าใจคำเหล่านี้ จะสามารถโฟกัสกับการพัฒนาทักษะได้ดียิ่งขึ้น เพราะรู้ชัดเจนว่าจุดใดต้องฝึกเพิ่มเติม
ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ หลายคำศัพท์ในกอล์ฟยังสะท้อนถึงประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของกีฬานี้ เช่น birdie, bogey, และ eagle ล้วนมีที่มาที่น่าสนใจ การเรียนรู้ความหมายและที่มาของคำเหล่านี้จะช่วยเพิ่มพูนความรู้ และทำให้ผู้เล่นรักกอล์ฟมากยิ่งขึ้นในฐานะกีฬาที่เต็มไปด้วยคุณค่าและประเพณี
คำศัพท์ทั่วไปในการเล่นกอล์ฟ
ในโลกของกอล์ฟ มีคำศัพท์บางคำที่ถูกใช้บ่อยมากในการสนทนาประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นในสนามกอล์ฟหรือในกลุ่มพูดคุยของนักกอล์ฟ คำศัพท์เหล่านี้ครอบคลุมตั้งแต่ คะแนน (score), องค์ประกอบของสนาม ไปจนถึง อุปกรณ์ที่ใช้ ในการเล่น ต่อไปนี้คือคำอธิบายโดยละเอียดของแต่ละคำศัพท์เพื่อช่วยให้เข้าใจง่ายขึ้น
Driving
การ Driving ในกอล์ฟหมายถึงการตีลูกครั้งแรกในแต่ละหลุม ซึ่งมักจะตีจาก tee box โดยใช้ไม้ที่เรียกว่า driver (ไม้ 1) จุดประสงค์หลักคือการตีให้ได้ระยะไกลที่สุด เพื่อสร้างโอกาสที่ดีกว่าสำหรับการตีครั้งต่อไปจนจบหลุม
Birdie
Birdie คือการทำสกอร์ได้ น้อยกว่าพาร์ 1 แต้ม ตัวอย่างเช่น ถ้าหลุมนั้นเป็น พาร์ 4 และผู้เล่นตีเพียง 3 ครั้ง จะถือว่าทำ birdie คำนี้มีที่มาจากสแลงอเมริกันต้นศตวรรษที่ 20 ที่ใช้คำว่า “bird” เพื่อสื่อถึงสิ่งที่ยอดเยี่ยม หรือ “เยี่ยมมาก”
Bogey
ตรงข้ามกับ birdie คือ bogey หมายถึงการใช้จำนวนครั้ง มากกว่าพาร์ 1 แต้ม เช่น ถ้าหลุมนั้น พาร์ 3 และผู้เล่นใช้ 4 ครั้ง จะถือว่าทำ bogey นักกอล์ฟมือใหม่มักทำสกอร์แบบนี้บ่อย เพราะยังปรับตัวกับเทคนิคของแต่ละหลุมไม่ได้
Double Bogey
Double bogey หมายถึงการใช้จำนวนครั้ง มากกว่าพาร์ 2 แต้ม มักเกิดจากการตีผิดพลาด เลือกไม้กอล์ฟไม่เหมาะสม หรือเจออุปสรรคในสนาม เช่น บังเกอร์ หรือ น้ำ
Eagle
Eagle เป็นการทำสกอร์ที่ยอดเยี่ยม หมายถึงการใช้จำนวนครั้ง น้อยกว่าพาร์ 2 แต้ม ตัวอย่างเช่น ถ้าหลุมนั้นเป็น พาร์ 5 และผู้เล่นตีเพียง 3 ครั้ง จะถือว่าทำ eagle สกอร์แบบนี้มักพบในนักกอล์ฟมืออาชีพหรือผู้เล่นที่มีประสบการณ์สูง
Green
Green คือบริเวณหญ้าสีเขียวรอบ ๆ หลุมที่ใช้สำหรับการ putting หรือการพัตต์ลูกให้ลงหลุม หญ้าบริเวณนี้ถูกตัดสั้นมาก เพื่อให้ลูกกลิ้งได้อย่างราบรื่น คุณภาพของ green มีผลอย่างมากต่อการพัตต์
Green Fee
Green fee คือ ค่าธรรมเนียม ที่ผู้เล่นต้องชำระเพื่อเล่นในสนามกอล์ฟ โดยครอบคลุมการใช้พื้นที่หลักของสนาม เช่น หลุม (hole), ทีบ็อกซ์ (tee box), แฟร์เวย์ (fairway) และ กรีน (green) ซึ่งมักคิดเป็น รอบ เช่น 9 หลุม หรือ 18 หลุม
Bunker
Bunker คือสิ่งกีดขวางในสนามกอล์ฟ ลักษณะเป็น หลุมทราย ที่ออกแบบมาเพื่อทดสอบทักษะผู้เล่น การตีลูกออกจากบังเกอร์จำเป็นต้องใช้ เทคนิคเฉพาะ และมักใช้ไม้ที่เรียกว่า sand wedge
Water Hazard
Water hazard หมายถึงพื้นที่ที่มีน้ำ เช่น บ่อน้ำหรือคลองในสนาม ซึ่งทำหน้าที่เป็นอุปสรรค หากลูกตกลงไป ผู้เล่นจะถูกปรับโทษตามกฎ และต้องเล่นลูกจากจุดที่กำหนดนอกเขตน้ำ
Caddie
Caddie คือผู้ช่วยนักกอล์ฟที่ทำหน้าที่ ถือไม้กอล์ฟ และช่วยให้คำแนะนำด้านกลยุทธ์ระหว่างการเล่น แคดดี้ที่มีประสบการณ์ สามารถช่วยอ่านทิศทางลม คำนวณระยะ และเลือกไม้กอล์ฟที่เหมาะสม ทำให้มีผลต่อประสิทธิภาพการเล่นอย่างมาก
Club
Club หรือไม้กอล์ฟเป็นอุปกรณ์หลักที่ใช้ตีลูกกอล์ฟ มีหลายประเภทตามการใช้งาน เช่น: Wood → ใช้สำหรับตีระยะไกล Iron → ใช้สำหรับตีระยะกลาง Putter → ใช้สำหรับพัตต์บนกรีน การเข้าใจการใช้ไม้แต่ละชนิดอย่างถูกต้องจะช่วยผู้เล่นตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้นระหว่างแข่งขัน
Tee Box
Tee box คือพื้นที่เริ่มต้นในแต่ละหลุมที่ผู้เล่นจะตั้งลูกบนทีแล้วตีลูกครั้งแรก (tee shot) ตำแหน่งของทีบ็อกซ์จะแบ่งตามประเภทผู้เล่น เช่น ชาย, หญิง, และ เยาวชน
Dogleg
Dogleg คือคำที่ใช้เรียกหลุมกอล์ฟที่มีลักษณะ โค้งงอคล้ายขาสุนัข หลุมประเภทนี้ต้องใช้กลยุทธ์เฉพาะ เนื่องจากผู้เล่นไม่สามารถตีลูกตรงไปยัง กรีน ได้ จำเป็นต้องวางแผนทิศทางการตีล่วงหน้า
Driving Area
Driving area หรือ Driving range คือพื้นที่ซ้อมในสนามกอล์ฟที่ออกแบบมาเพื่อฝึกการตีระยะไกล ผู้เล่นสามารถโฟกัสกับการพัฒนาทักษะการตีโดยไม่จำเป็นต้องเล่นครบหลุม
Gross Score
Gross score คือจำนวนครั้งในการตีทั้งหมดที่ผู้เล่นใช้ในหนึ่งรอบ ก่อนหักแฮนดิแคป มักใช้ในระบบการแข่งขันที่ต้องคำนวณคะแนนสุทธิ (Net score)
Hosel
Hosel คือส่วนของไม้กอล์ฟที่เชื่อมระหว่าง ก้านไม้ (shaft) กับ หัวไม้ (club head) รูปทรงและการออกแบบของ hosel มีผลต่อทิศทางการตีลูกโดยตรง
Par
Par หมายถึงจำนวนครั้งการตีมาตรฐานที่กำหนดเพื่อให้จบหลุมหนึ่งหลุม ตัวอย่างเช่น Par 3 หมายความว่าโดยเฉลี่ยผู้เล่นควรจะตีให้ลงหลุมภายใน 3 ครั้ง โดยพิจารณาจากระยะและระดับความยากของหลุมนั้น
Tee Off
Tee off คือจังหวะเริ่มต้นเล่นในแต่ละหลุม ซึ่งผู้เล่นจะตีลูกครั้งแรกจาก tee box การเลือกใช้ไม้กอล์ฟขึ้นอยู่กับกลยุทธ์และระยะหลุม แต่สำหรับหลุมระยะไกล เช่น Par 4 หรือ Par 5 มักใช้ไม้ driver เป็นหลัก
Fairway
Fairway คือพื้นที่สนามที่อยู่ระหว่าง tee box กับ green ซึ่งมีหญ้าที่ตัดเรียบและสั้น เพื่อให้ลูกกอล์ฟกลิ้งและตกในตำแหน่งที่เหมาะสม Fairway ถือเป็นเส้นทางที่ดีที่สุดสำหรับการวางแผนตีช็อตต่อไป
Rough
หลายคนมักออกเสียงผิดเป็น “raff” แต่คำที่ถูกต้องคือ rough ซึ่งหมายถึง พื้นที่หญ้ายาว นอก fairway หากลูกตกในบริเวณนี้จะตีได้ยากขึ้น เพราะ:
- ลูกมักถูกหญ้าบังบางส่วน
- ควบคุมทิศทางและแรงตีได้ยาก
- ความเสี่ยงพลาดช็อตสูงขึ้น
Pairing
Pairing หมายถึง การจัดกลุ่มผู้เล่น ให้อยู่ใน flight เดียวกันระหว่างการแข่งขันหรือรอบซ้อม เพื่อกำหนดว่าใครจะเล่นกับใคร รวมถึงการจัดลำดับ tee off และเวลาลงสนาม
Flight
Flight ในกอล์ฟคือ กลุ่มผู้เล่น ที่ลงเล่นพร้อมกันในหนึ่งรอบ มักประกอบด้วย 2–4 คน ต่อ flight ขึ้นอยู่กับรูปแบบการแข่งขันและกติกา การจัด flight มีเป้าหมายเพื่อควบคุม ตารางเวลา tee time และทำให้การแข่งขันดำเนินไปอย่างเป็นระเบียบ
Turlap (เฉพาะในอินโดนีเซีย)
Turlap เป็นคำย่อจาก “turun lapangan” ไม่ใช่คำศัพท์กอล์ฟสากล แต่เป็น สแลง ที่นิยมใช้ในหมู่ผู้เล่นกอล์ฟอินโดนีเซีย หมายถึง:
- การลงสนามสำรวจล่วงหน้า
- การซ้อมเพื่อทำความคุ้นเคยกับสภาพสนาม
- การเตรียมตัวก่อนการแข่งขัน
Best Gross Overall
Best Gross Overall คือคำศัพท์ที่ใช้ในทัวร์นาเมนต์กอล์ฟ หมายถึง ผู้เล่นที่มีจำนวนครั้งตีทั้งหมด (gross score) น้อยที่สุด เมื่อเทียบกับผู้เข้าร่วมทั้งหมด โดยไม่หักแฮนดิแคป ครอบคลุมทุกหมวดหมู่และทุก flight
1 Bay
1 Bay ในกอล์ฟหมายถึง หนึ่งช่องพื้นที่ซ้อมส่วนตัว ในบริเวณ driving range ทั้งแบบ indoor และ outdoor สำหรับผู้เล่นยืนซ้อมตีลูก โดยปกติจะมีการเตรียมอุปกรณ์ไว้ครบ เช่น เสื่อซ้อม, ที (tee) และในบางแห่งยังมีอุปกรณ์ดิจิทัล เช่น launch monitor เพื่อช่วยวิเคราะห์การตี
Golf Course
Golf course หมายถึง สนามกอล์ฟ หรือพื้นที่ที่ออกแบบเฉพาะสำหรับการเล่นกอล์ฟ ซึ่งประกอบด้วย 9 หลุม หรือ 18 หลุม สนามจะถูกออกแบบอย่างพิถีพิถัน มีการตัดหญ้าเรียบสวย และมักมีสิ่งกีดขวาง เช่น บังเกอร์ทราย หรือ บ่อน้ำ เพื่อเพิ่มความท้าทายในการเล่น
มาสนุกกับความสะดวกในการจองเวลาออกรอบผ่านแอป GoGolf! ดาวน์โหลดเลย!
คำศัพท์เกี่ยวกับประเภทการตีในกอล์ฟ
ในกีฬากอล์ฟ ประเภทของการตีลูก ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ผู้เล่นควรเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เพราะแต่ละสถานการณ์ในสนามต้องใช้เทคนิคการตีที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับ ระยะทาง, สภาพสนาม, ทิศทางลม และ ตำแหน่งของลูกกอล์ฟ การเข้าใจคำศัพท์เกี่ยวกับการตีลูกในกอล์ฟไม่เพียงช่วยให้ผู้เล่นสื่อสารกับ โค้ช หรือ แคดดี้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังเป็นพื้นฐานสำคัญในการวางกลยุทธ์ระหว่างเล่นอีกด้วย
Approach Shot
Approach shot หมายถึง การตีลูกระยะสั้นถึงระยะกลาง เพื่อให้ลูกเข้าใกล้ กรีน (green) มากที่สุด หรือแม้กระทั่งพยายามให้ลูกลงหลุมในช็อตเดียว การตีแบบนี้มักใช้หลังจากการ tee shot และนิยมใช้เมื่อลูกอยู่บน fairway และยังเหลือระยะอีกหลายสิบเมตรไปจนถึงกรีน
การตี approach shot มี 3 ประเภทหลัก ได้แก่
1. pitch shot เป็นการตีลูกระยะสั้นด้วยมุมสูงและวิถีลูกชัน ทำให้ลูกตกลงบนกรีนอย่างนุ่มนวลและไม่กลิ้งไกล มักใช้เมื่อตำแหน่งลูกอยู่ห่างจากหลุมประมาณ 30–50 หลา
2. lop shot เป็นรูปแบบหนึ่งของ pitch shot แต่ใช้มุมที่สูงกว่ามาก ใช้เพื่อยกลูกข้ามสิ่งกีดขวาง เช่น บังเกอร์หรือพุ่มไม้ และทำให้ลูกตกอย่างนุ่มนวลบนกรีน ต้องอาศัยความแม่นยำสูงและมักใช้โดยผู้เล่นที่มีประสบการณ์
3. chip shot ใช้เมื่อลูกอยู่ใกล้กรีนมาก ระยะไม่เกิน 10 เมตร เป็นการตีด้วยมุมต่ำและอาศัยการกลิ้งของลูกบนกรีนเพื่อเข้าหาหลุม
การทำ approach shot ที่ดี ผู้เล่นต้องควบคุมระยะได้แม่นยำ อ่านคอนทัวร์กรีนเป็น และเลือกใช้ไม้ที่เหมาะสม เช่น เหล็กสั้นหรือเวดจ์
Bunker Shot
Bunker shot คือการตีลูกกอล์ฟเมื่อบอลตกอยู่ใน บังเกอร์ ซึ่งเป็นกับดักทรายในสนามที่ออกแบบเป็นอุปสรรค การตีช็อตนี้ถือว่ายากและต้องใช้เทคนิคเฉพาะ เพราะพื้นทรายมีลักษณะแตกต่างจากหญ้าปกติ
ไม้กอล์ฟที่ใช้บ่อยที่สุดสำหรับ bunker shot คือ sand wedge เนื่องจากมีการออกแบบที่มีค่า bounce สูง ซึ่งช่วยให้หัวไม้ลื่นไปบนผิวทรายและยกลูกออกจากบังเกอร์ได้ง่ายขึ้น โดยทั่วไปนักกอล์ฟจะไม่ตีโดนลูกโดยตรง แต่จะตีทรายด้านหลังลูกเพื่อให้แรงระเบิดจากทรายช่วยยกลูกออกมา
สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงในการทำ bunker shot ได้แก่:
- ตำแหน่งร่างกายและลูกกอล์ฟ: วางลูกไว้ค่อนไปด้านหน้าเล็กน้อย และลงน้ำหนักตัวที่เท้าหน้าเพื่อให้หัวไม้สัมผัสทรายก่อนลูก
- Open clubface: หมุนหน้าไม้เปิดเล็กน้อยเพื่อให้ลูกลอยสูงขึ้นและตกอย่างนุ่มนวล
- Follow through: หลังตีทรายต้องเหวี่ยงไม้ต่อเนื่อง ห้ามหยุดกลางคัน เพราะช่วยควบคุมทิศทางและระยะของลูก
การฝึก bunker shot ให้ชำนาญเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากเกือบทุกหลุมในสนามมักมีบังเกอร์เป็นอุปสรรค โดยเฉพาะรอบ ๆ green
Chip In
Chip in คือคำที่ใช้ในกอล์ฟเพื่ออธิบายสถานการณ์ที่ผู้เล่นสามารถตีลูกจาก นอกกรีน โดยใช้ chip shot และทำให้ลูก ลงหลุมในครั้งเดียว ซึ่งเป็นหนึ่งในจังหวะที่น่าพอใจสำหรับนักกอล์ฟ เพราะปกติการตีลักษณะนี้มีเป้าหมายเพียงเพื่อให้ลูกเข้าใกล้หลุม ไม่ได้ตั้งใจให้ลงหลุมโดยตรง
Chip in มักเกิดขึ้นแบบไม่คาดคิด และบางครั้งสามารถช่วย เซฟสกอร์ ในสถานการณ์ที่ยาก ตัวอย่างเช่น เมื่อลูกกอล์ฟอยู่บริเวณ fringe (พื้นที่รอยต่อระหว่างแฟร์เวย์กับกรีน) ผู้เล่นใช้ wedge หรือ iron ตีเบา ๆ เพื่อให้ลูกกลิ้งไปบนกรีน และลูกลงหลุมอย่างน่าประหลาดใจ
เทคนิคเพิ่มโอกาสทำ Chip In
- เลือกไม้กอล์ฟที่เหมาะสม: ใช้ pitching wedge หรือ เหล็ก 9 เพื่อสร้างสมดุลระหว่างระยะการลอยและการกลิ้ง
- การมองภาพรวม (visualization): จินตนาการเส้นทางลูกจากจุดเริ่มต้นจนถึงหลุม รวมถึงอ่านคอนทัวร์กรีนที่ส่งผลต่อทิศทาง
- ควบคุมแรงตี: อย่าตีแรงเกินไปหรือน้อยเกินไป การซ้อมในระยะต่าง ๆ จะช่วยพัฒนาความรู้สึกและความแม่นยำ
แม้ว่า chip in จะเป็นจังหวะที่พึ่งพาโชคอยู่บ้าง แต่หากมีเทคนิคที่ดีและการซ้อมที่เพียงพอ ก็จะเพิ่มโอกาสทำได้บ่อยขึ้น
Fairway Shot
Fairway shot คือการตีลูกจากบริเวณ แฟร์เวย์ ซึ่งเป็นพื้นที่หญ้าสั้นและเรียบระหว่าง ทีบ็อกซ์ กับ กรีน มักใช้หลังจากการ tee shot โดยมีเป้าหมายเพื่อนำลูกเข้าใกล้กรีนหรือให้ถึงกรีน ขึ้นอยู่กับความยาวของหลุมนั้น
ไม้กอล์ฟที่ใช้บ่อยสำหรับ Fairway Shot:
- Fairway wood เช่น 3-wood หรือ 5-wood → สำหรับตีระยะไกล เหมาะกับหลุม พาร์ 5
- เหล็กกลางหรือเหล็กยาว (iron 4, 5, 6) → ใช้ตีในระยะกลาง
- Hybrid club → ตัวเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเพราะตีง่ายและควบคุมได้ดี
เทคนิคการตี Fairway Shot ที่สำคัญ:
- ตำแหน่งลูก: วางลูกไว้กึ่งกลางเท้า หรือค่อนไปด้านหน้าเล็กน้อย ขึ้นอยู่กับไม้ที่ใช้
- Full swing: เนื่องจากพื้นแฟร์เวย์เรียบ จึงสามารถเหวี่ยงวงสวิงเต็มเพื่อเพิ่มระยะ
- Follow through และจังหวะสวิง: ต้องรักษาจังหวะให้สม่ำเสมอและควบคุมทิศทางลูกอย่างมั่นคง
การทำ fairway shot ได้ดีมีผลอย่างมากต่อโอกาสทำ birdie หรือ par โดยเฉพาะในหลุมที่มีระยะยาว
Hole in One
Hole in one คือความสำเร็จอันยอดเยี่ยมในกอล์ฟ หมายถึงการที่ผู้เล่นตีลูกจาก ทีบ็อกซ์ (tee box) และทำให้ลูก ลงหลุมในครั้งเดียว ความสำเร็จนี้มักเกิดขึ้นบ่อยใน หลุมพาร์ 3 เพราะมีระยะสั้นกว่า (ประมาณ 100–200 หลา) แต่ก็ยังต้องการ ความแม่นยำ, พลังการตีที่เหมาะสม และโชคเล็กน้อย
Hole in one ถือเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ภาคภูมิใจที่สุดของนักกอล์ฟอาชีพและสมัครเล่น หลายทัวร์นาเมนต์มีการมอบ รางวัลพิเศษ เช่น รถยนต์หรู หรือ เงินสดจำนวนมาก ให้กับผู้ที่ทำ hole in one ได้ในหลุมที่กำหนด
ปัจจัยที่มีผลต่อโอกาสทำ Hole in One:
- สภาพลมและทิศทางลม
- ประเภทไม้กอล์ฟที่ใช้ มักใช้ เหล็ก 6, 7, 8 หรือ 9
- ลักษณะความชันและสภาพกรีน
- ตำแหน่งธงและหลุมในกรีน
แม้จะไม่มีเทคนิคที่รับประกันความสำเร็จ แต่การ ฝึกซ้อมการตีแม่นยำ, เลือกไม้ให้เหมาะสม, และ วิเคราะห์สนามอย่างละเอียด จะช่วยเพิ่มโอกาสสร้างช็อตในตำนานนี้ได้
[ Follow our social media Account: GoGolf Instagram | GoGolf Facebook | GoGolf X ]