19 รองเท้ากอล์ฟแนะนำสำหรับผู้ชายและผู้หญิงที่ดีที่สุดในปีนี้

สำหรับบางคน รองเท้าอาจเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการเสริมลุคในสนามเท่านั้น แต่สำหรับนักกอล์ฟที่เข้าใจถึงความสำคัญของความมั่นคง แรงยึดเกาะ และความสบาย การเลือกรองเท้ากอล์ฟโดยเฉพาะถือว่าสำคัญพอ ๆ กับการเลือกไม้กอล์ฟที่เหมาะสม

รองเท้ากอล์ฟถูกออกแบบมาเพื่อรับมือกับพื้นแฟร์เวย์ที่มีหญ้าลื่น ทรายในบังเกอร์ที่ร่วน หรือพื้นดินที่เปียกหลังฝนตก จุดเด่นด้านเทคโนโลยีของรองเท้า—ตั้งแต่พื้นรองเท้าไฮบริดกันลื่น วัสดุกันน้ำ ไปจนถึงระบบรองรับแรงกระแทกอัจฉริยะ—จะเป็นตัวกำหนดความสม่ำเสมอของวงสวิงและช่วยป้องกันการบาดเจ็บ

รายชื่อต่อไปนี้คือ 19 รุ่นรองเท้ากอล์ฟแนะนำล่าสุด ที่ GoGolf คัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน โดยพิจารณาจากการผสมผสานระหว่างนวัตกรรมทางเทคโนโลยี ชื่อเสียงของแบรนด์ และความคุ้มค่าของราคาในตลาดอินโดนีเซีย

1. Ecco Golf Shoe Men’s Biom C4

Ecco Golf Shoe Men’s Biom C4

Men’s Biom C4 คือหลักฐานยืนยันถึงชื่อเสียงของ Ecco ในฐานะผู้บุกเบิกเทคโนโลยีรองเท้ากอล์ฟเชิงชีวกลศาสตร์ (biomechanics) รุ่นนี้ใช้แพลตฟอร์ม MTN Grip แบบ 3 โซน: โซนหน้าให้แรงยึดเกาะคมชัด, โซนกลางมอบความมั่นคงด้านแรงบิด (torsional stability) และโซนส้นเท้าเน้นการรองรับในจังหวะ follow-through การผสมผสานนี้ทำให้ยืนมั่นคงแต่ยังคงความยืดหยุ่นตามธรรมชาติของเท้า

จุดเด่นที่สุดคือ Gore-Tex Surround—ชั้นเมมเบรนกันน้ำที่ห่อหุ้มรอบเท้า 360° เพื่อระบายอากาศได้รอบทิศ ขณะเดียวกันป้องกันน้ำซึมในสนามที่เปียกชื้น ร่วมกับเทคโนโลยี Fluidform™ Direct Injection ซึ่งเป็นการฉีดโพลียูรีเทนเข้าโครงรองเท้าโดยตรงแบบไร้รอยต่อ ทำให้เพิ่มการตอบสนอง แรงเด้งกลับ และความทนทานต่อการสึกหรอ

เทคโนโลยี BIOM Natural Motion® ถูกออกแบบให้โปรไฟล์รองเท้าต่ำลง เพื่อให้เท้าใกล้พื้นมากขึ้น ช่วยเพิ่มสมดุลในจังหวะสวิงที่ใช้พลังเต็มที่ ขณะที่แผ่นรอง OrthoLite® ที่ถอดได้มอบการรองรับที่โปร่ง ระบายอากาศได้ดี แห้งเร็ว และต้านกลิ่น เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ออกรอบเกิน 18 หลุม

ราคาจำหน่ายในตลาดอยู่ราว 4.5–5 ล้านรูเปียห์ ซึ่งถือว่าคุ้มค่ากับอายุการใช้งานที่ยาวนาน เพราะใช้หนัง Ecco ที่ผ่านการฟอกพิเศษ ทนการแตกร้าวและทำความสะอาดง่าย เหมาะสำหรับนักกอล์ฟระดับกลางถึงมืออาชีพที่ต้องการความแม่นยำของการยืนในทุกสภาพอากาศ พร้อมลุคสปอร์ตแบบมินิมอล

ข้อดี:

  • แรงยึดเกาะหลายทิศทาง ลดความเสี่ยงลื่น
  • ระบายอากาศรอบทิศด้วย Gore-Tex Surround
  • ดีไซน์ตามสรีรศาสตร์ BIOM ลดความล้าในกล้ามเนื้อเท้า

ข้อเสีย:

  • ราคาสูง ไม่เหมาะกับผู้เริ่มต้นที่งบจำกัด
  • โทนสีค่อนข้างอนุรักษ์นิยม ทำให้ตัวเลือกด้านสไตล์มีจำกัด

[ อยากจองสนามกอล์ฟได้เร็วขึ้น? ใช้แอป GoGolf! ดาวน์โหลดเลย! ]

2. Ecco Golf Biom H4 Boa

Ecco Golf Biom H4 Boa

ซีรีส์ Biom H4 ผสานความสวยงามสไตล์ลำลองเข้ากับสมรรถนะในสนาม เหมาะสำหรับนักกอล์ฟที่ต้องการออกจากสนามแล้วไปทำกิจกรรมสังคมต่อได้เลยโดยไม่ต้องเปลี่ยนรองเท้า ส่วน Upper ทำจาก หนัง ECCO Performance เคลือบสารไฮโดรโฟบิก Hydromax® ทำให้รองเท้ายังคงระบายอากาศได้ดีแต่ทนต่อฝนปรอยและความชื้น

จุดเด่นหลักคือ BOA® Fit System ที่วางบนลิ้นรองเท้า เพียงหมุนปุ่มไมโครไดอัลก็สามารถปรับความกระชับของเส้นสแตนเลสได้แม่นยำในระดับมิลลิเมตร ระบบนี้ไม่เพียงช่วยให้เตรียมตัวที่แท่นตี (tee-box) ได้รวดเร็วขึ้น แต่ยังช่วยกระจายแรงกดบนหลังเท้าได้อย่างสม่ำเสมอ ลดจุดกดเจ็บที่มักเกิดในรองเท้าผูกเชือกแบบเดิม

พื้นกลาง Fluidform™ ฉีดขึ้นรูปโดยตรง ให้โครงสร้างแบบสามความหนาแน่นคล้าย Biom C4 แต่มีความนุ่มกว่าเล็กน้อย เพื่อให้รู้สึกสบายเท้ามากขึ้นเมื่อเดินบนพื้นทางแข็ง เช่น cart-path ด้านนอก ส่วนพื้นนอก MTN Grip แบบ spikeless ใช้ “ฟัน” โพลียูรีเทนไมโครที่ทนต่อการสึกหรอ ทำให้ยึดเกาะได้มั่นคงทั้งบนกรีนที่นุ่มและทางเดินปู

รุ่นนี้มีให้เลือกในสี น้ำเงินเนวี่, เทา Mist, และขาว-ไลม์ ทำให้สามารถมิกซ์แอนด์แมทช์กับชุดได้ง่าย ในตลาดอินโดนีเซีย ราคาประมาณ 5.2–5.5 ล้านรูเปียห์ แม้ดูสูง แต่คุ้มค่ากับความทนทานของระบบ BOA และความสบายที่สวมได้ทั้งวัน

ข้อดี:

  • ปรับกระชับได้รวดเร็วและแม่นยำด้วยปุ่ม Boa dial
  • ความมั่นคงสูงในสภาพอากาศเปียกด้วย Hydromax
  • พื้น spikeless เดินเงียบในคลับเฮาส์

ข้อเสีย:

  • ราคาสูงกว่าค่าเฉลี่ย อาจเกินความจำเป็นสำหรับนักกอล์ฟสายสันทนาการ
  • อะไหล่ Boa ต้องเปลี่ยนหากปุ่มเสีย (แม้จะมีการรับประกัน)

3. Cole Haan Women’s Original Grand Shortwing Golf

Cole Haan Women’s Original Grand Shortwing Golf

นำกลิ่นอายรองเท้าอ็อกซ์ฟอร์ดคลาสสิกมาสู่สนามกอล์ฟ รุ่น Original Grand Shortwing โดดเด่นด้วยดีไซน์วิงทิปประดับลวดลายรูเจาะ (brogue) พร้อมเทคโนโลยีสมรรถนะการเล่นเต็มรูปแบบ ตัวรองเท้าทำจาก หนังฟูลเกรน (full-grain) เงางามตามธรรมชาติ เคลือบสารกันน้ำโดยไม่ทำให้สัมผัสนุ่มของหนังเปลี่ยนไป ภายในบุด้วยผ้า moisture-wicking ที่ช่วยดูดซับเหงื่อ ทำให้เท้าแห้งสบายตลอดการออกรอบ 18 หลุม

เช่นเดียวกับรองเท้าในไลน์ GrandSeries รุ่นนี้ใช้พื้นกลาง EVA แบบหลายชั้น ซึ่งมีน้ำหนักเบาและตอบสนองดี ช่วยกระจายแรงกดจากส้นเท้าไปทั่วฝ่าเท้า ลดความเมื่อยล้าเมื่อต้องเดินขึ้นแฟร์เวย์ที่ลาดชัน รายละเอียดขอบ welt ที่เย็บอย่างประณีตไม่เพียงเพื่อความสวยงาม แต่ยังเสริมความแข็งแรงโครงสร้างให้รองเท้ารักษารูปทรงได้ยาวนาน

พื้นรองเท้า spikeless zerøgrand ออกแบบด้วยแผ่นยาง (pods) หลายทิศทาง บริเวณ pivot ใช้ pod ที่หนาแน่นขึ้นเพื่อรองรับแรงหมุนในจังหวะ downswing ส่วนขอบด้านข้างถูกออกแบบให้ยืดหยุ่น เพื่อการถ่ายน้ำหนักจากส้นสู่ปลายเท้าอย่างราบรื่น น้ำหนักโดยรวมถือว่าเบาสำหรับรองเท้าหนัง เหมาะสำหรับนักกอล์ฟหญิงที่ต้องการความสง่างามโดยไม่ลดทอนสมรรถนะการเล่น

ราคาจำหน่ายในตลาดต่างประเทศอยู่ที่ประมาณ 3–3.5 ล้านรูเปียห์ ถือว่าคุ้มค่าเมื่อเทียบกับความพรีเมียมและเอกลักษณ์ของแบรนด์ Cole Haan ในกลุ่มรองเท้าลำลองหรู รุ่นนี้เหมาะสำหรับนักกอล์ฟหญิงที่อยากดู sophisticated ในทัวร์นาเมนต์ของสโมสรหรือกิจกรรมกอล์ฟในองค์กร

ข้อดี:

  • ผสมผสานแฟชั่นและฟังก์ชันได้ลงตัว
  • หนังฟูลเกรนทนรอยขีดข่วนและขัดเงาได้ง่าย
  • พื้น EVA ช่วยให้ก้าวเดินเบาตลอดการออกรอบแบบเดิน

ข้อเสีย:

  • ความยืดหยุ่นน้อยกว่ารองเท้าสนีกเกอร์ประสิทธิภาพสูง
  • แรงยึดเกาะเพียงพอสำหรับแฟร์เวย์แห้ง แต่ไม่เหมาะกับรัฟเปียกมาก ๆ

4. Hazely Marva Golf Shoes

Hazely Marva Golf Shoes

หากคุณเพิ่งเริ่มเล่นกอล์ฟและมองหาทางเลือกที่ประหยัดโดยไม่ลดทอนความปลอดภัย Hazely Marva คือรุ่นที่น่าสนใจ ด้วยราคาประมาณ 377,000 รูเปียห์ รุ่นนี้ถือเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและเหมาะได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง โทนสี ขาว–ส้ม ดูสดใส ช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้ลุคการซ้อมที่ไดร์ฟวิ่งเรนจ์

ส่วน Upper ผลิตจาก หนังสังเคราะห์ เย็บเสริมสองชั้นด้วยด้ายไนลอนแข็งแรง ให้โครงสร้างที่เบาแต่มั่นคงพอรับแรงบิดของเท้าในจังหวะสวิง พื้นผิวเคลือบสาร water-repellent เพื่อป้องกันความชื้นเบื้องต้นจากน้ำค้างยามเช้าหรือทรายจากบังเกอร์

พื้นกลางใช้ density-foam ที่นุ่มแต่มีความหนาแน่นบริเวณอุ้งเท้า ช่วยรองรับส่วนโค้งของเท้าและกระจายน้ำหนักได้อย่างสมดุล พื้นนอกเป็น ยางลายฟันเลื่อย (rubber serrated) มีลวดลายคล้ายกรงเล็บ ช่วยยึดเกาะพื้นลื่นได้ดีโดยไม่ทำลายกรีนเหมือนปุ่มโลหะ

Hazely ยังเพิ่มรูระบายอากาศขนาดเล็ก (micro perforation) บริเวณด้านในเท้า เพื่อช่วยให้การระบายอากาศดีขึ้น ลดความร้อนแม้ยืนกลางแดดเป็นเวลานาน น้ำหนักรวมของรองเท้าคู่หนึ่งเพียง ประมาณ 650 กรัม ถือว่าเบามากสำหรับรองเท้าระดับเริ่มต้น แม้จะไม่ได้ใช้เทคโนโลยีจากแบรนด์ใหญ่ แต่ความทนทานก็เพียงพอสำหรับการซ้อมสัปดาห์ละ 1–2 ครั้ง

ข้อดี:

  • ราคาถูกที่สุดในลิสต์นี้

  • พื้นลายฟันเลื่อยกันลื่น เหมาะกับสภาพอากาศฝนตก

  • มีไซส์ยูนิเซ็กส์ที่กว้าง ใส่ได้ง่าย

ข้อเสีย:

  • หนังสังเคราะห์ค่อนข้างแข็ง ต้องใช้เวลาปรับให้เข้ารูปเท้า

  • กันน้ำได้เพียงระดับ splash-proof ไม่ใช่กันน้ำ 100%

5. Callaway Golf Shoe Star

Callaway Golf Shoe Star

Callaway—ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในด้านไม้กอล์ฟ—ได้นำเสนอรองเท้ารุ่น Golf Shoe Star สำหรับนักกอล์ฟที่ต้องการความสมดุลระหว่างน้ำหนักเบา การยึดเกาะ และความนุ่มสบายของการรองรับแรงกระแทก

ส่วน Upper ผลิตจาก ไมโครไฟเบอร์เมชลายหกเหลี่ยม เคลือบเมมเบรนกันน้ำ (waterproof) เพื่อป้องกันน้ำจากภายนอก ขณะเดียวกันยังระบายไอความชื้นออกได้ ทำให้เท้ารู้สึกเย็นสบายแม้เล่นในสภาพอากาศร้อนชื้น

พื้นกลางใช้เทคโนโลยี Opti-Soft™ ที่จดสิทธิบัตร โดยใช้ EVA ที่ปรับความหนาแน่นแตกต่างกันตามตำแหน่งแรงกด — บริเวณปลายเท้านุ่มขึ้นเพื่อซับแรงกระแทก บริเวณอุ้งเท้าแน่นขึ้นเพื่อเพิ่มความมั่นคง และบริเวณส้นเท้ากลับมานุ่มอีกครั้งเพื่อช่วยลดแรงกระแทก

พื้นรองเท้าด้านนอกทำจาก ยางสูตรพิเศษ พร้อมปุ่ม (molded spikes) แบบดาวคู่ที่หล่อรวมกับพื้น เพื่อเพิ่มพื้นที่สัมผัสกับพื้นดินสูงสุดโดยไม่ทำลายกรีน

ดีไซน์แบบ wide-fit เหมาะสำหรับนักกอล์ฟที่มีเท้ากว้าง ส่วน collar ที่บุนุ่มช่วยลดการเสียดสีกับข้อเท้า รุ่นนี้มีให้เลือกในสีโทนกลาง ได้แก่ เทา ดำ และน้ำเงิน ทำให้แมทช์กับชุดได้ง่าย ราคาจำหน่ายในประเทศอยู่ที่ประมาณ 2.3–2.6 ล้านรูเปียห์

ข้อดี:

  • ผ้าตาข่ายระบายอากาศพร้อมเคลือบกันน้ำ
  • พื้น Opti-Soft ปรับตามแรงกด ลดแรงกระแทกจากการสวิงแรง
  • ปุ่มดาวคู่แบบหล่อรวม ยึดเกาะดีบนแฟร์เวย์เปียก

ข้อเสีย:

  • ผ้าตาข่ายเปื้อนง่าย ต้องทำความสะอาดบ่อย
  • ใช้เชือกผูกแบบดั้งเดิม อาจหลวมระหว่างเล่น

6. Adidas S2G Spikeless Golf Mens

Adidas S2G Spikeless Golf Mens

รุ่นนี้เป็นตัวแทนของความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนของ Adidas โดยใช้วัสดุรีไซเคิล Primegreen มากกว่า 50% ในส่วน Upper แต่ยังคงรูปลักษณ์พรีเมียมด้วยโทนสีดำสนิท เคลือบด้วยเทคโนโลยี Rain.RDY กันน้ำ เพื่อให้รองเท้าแห้งแม้ในฝนปรอย

พื้นกลางใช้เทคโนโลยี Bounce™ ที่มีชื่อเสียงในรองเท้าวิ่งของ Adidas มอบความเด้ง (springy) ช่วยคืนพลังงานทุกย่างก้าว ด้านบนติดตั้งระบบรัด BOA® L6 Dial เพื่อความกระชับแม่นยำ หมุนเพียงครั้งเดียวเพื่อรัด หรือดึงเพียงครั้งเดียวเพื่อคลาย ทำให้เปลี่ยนถุงเท้าระหว่างรอบได้อย่างรวดเร็ว

พื้นรองเท้า Adiwear™ มีลวดลายสามเหลี่ยมหมุนวน (triangulation swirl) สองสี พร้อมแต้มสีฟ้าอ่อนแซมระหว่างดอกยาง เพิ่มความโดดเด่น มีผลการทดสอบในห้องปฏิบัติการว่าสามารถต้านแรงด้านข้างได้มากกว่า 600 นิวตัน ช่วยให้เท้าไม่ลื่นไถลในจังหวะ downswing แม้เป็นแบบ spikeless น้ำหนักเพียงประมาณ 350 กรัมต่อข้าง จัดว่าเบาที่สุดรุ่นหนึ่งในตลาด ราคาประมาณ 2 ล้านรูเปียห์ ถือเป็นตัวเลือกระดับกลางที่คุ้มค่ามาก

ข้อดี:

  • ใช้วัสดุรีไซเคิล สนับสนุนแนวคิดความยั่งยืน
  • ระบบ BOA Dial ปรับได้รวดเร็ว ไม่ต้องผูกเชือกใหม่เมื่อเชือกเปียก
  • พื้น Bounce™ นุ่ม เด้ง และตอบสนองดี

ข้อเสีย:

  • สีเข้มดูดความร้อน ทำให้เท้าอาจอุ่นในช่วงแดดจัด
  • ดอกยาง outsole สึกเร็วขึ้นหากใส่เดินบนพื้นปูนหยาบบ่อย

7. Ecco Shoe Men’s Golf  S‑Three

Ecco Shoe Men’s Golf  S‑Three

รุ่นนี้ออกแบบมาสำหรับนักกอล์ฟที่กำลังเปลี่ยนจากรองเท้ากอล์ฟแบบมีปุ่ม (spike) มาสู่รุ่นไฮบริด โดยไม่ลดทอนประสิทธิภาพการยึดเกาะ พื้นกลางใช้เทคโนโลยี Zonal Fluidform™ ซึ่งเป็นโพลียูรีเทนผสมสามระดับความหนาแน่น — นุ่มที่ส้นเท้า, ระดับกลางที่กลางเท้า และแน่นที่ปลายเท้า การจัดสรรนี้ช่วยให้ถ่ายโอนพลังจากจังหวะ backswing ไปสู่ follow-through ได้อย่างราบรื่น พร้อมลดแรงสั่นสะเทือน

ส่วน Upper หุ้มด้วยชั้น Gore-Tex® ความหนาระดับไมครอนบนหนังนัปป้า (nappa leather) ทำให้กันน้ำได้ 100% แต่ยังคงระบายอากาศได้ดี พื้นนอก E-DTS™ ทำจากยาง พร้อมแท่งยึดเกาะกว่า 100 จุดที่จัดวางตามการเคลื่อนไหวตามธรรมชาติของเท้า จากการศึกษาภายในของ Ecco พบว่าลวดลายนี้ช่วยเพิ่มความมั่นคงด้านข้างได้ถึง 26% เมื่อเทียบกับพื้นรองเท้าแบบดั้งเดิม

ดีไซน์ยังคงความหรูหราด้วยรายละเอียดรูระบายอากาศขนาดเล็กและโลโก้นูนแบบมินิมอล ราคาประมาณ 4.7 ล้านรูเปียห์ เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการเดินออกรอบ (walking course) เพราะให้ความสบายตั้งแต่ต้นจนจบเกม

ข้อดี:

  • ระบบซัพพอร์ตแบบโซน ปรับตามแต่ละช่วงของวงสวิง
  • ชั้น Gore-Tex กันน้ำเต็มรูปแบบพร้อมระบายความชื้น
  • พื้นไฮบริดดูแลรักษาง่าย ไม่ต้องเปลี่ยนปุ่ม

ข้อเสีย:

  • โปรไฟล์ค่อนข้างหนา ไม่เหมาะกับผู้ที่ชอบดีไซน์เพรียวบางมาก
  • ราคาสูงสำหรับนักกอล์ฟสายสบาย ๆ

8. Nike Air Zoom Infinity Tour

Nike Air Zoom Infinity Tour

ได้รับแรงบันดาลใจจากรองเท้าวิ่งระดับโปร Air Zoom Infinity Tour นำ DNA นวัตกรรมของ Nike มาสู่สนามแฟร์เวย์ ส่วน Upper ทำจาก Flyknit ถักโปร่ง ระบายอากาศได้ดี ผสานกับ สายรัดภายใน Dynamic Fit โอบรัดช่วงกลางเท้าให้กระชับเสมือนสวมถุงเท้าคอมเพรสชัน เคลือบผิวด้วย TPU finishing เพื่อกันละอองน้ำโดยไม่ลดความยืดหยุ่น

จุดเด่นสำคัญอยู่ที่ Air Zoom strobel แบบเต็มความยาว ซึ่งเป็นถุงลมแรงดันสูงวางใต้ฝ่าเท้า ให้สัมผัสนุ่มเด้ง ช่วยลดความล้าของกล้ามเนื้อน่องเมื่อต้องเดินผ่านเนินสนาม Nike ยังเพิ่ม Zoom Air พิเศษบริเวณปลายเท้า (forefoot) เพื่อเพิ่มการตอบสนองเมื่อหมุนเท้าหน้าในจังหวะปะทะลูก (impact)

พื้นรองเท้าแบบ piston spike (ปุ่มยางระบบลูกสูบ) สามารถหดเข้าเมื่อรับแรงกด และเด้งกลับเมื่อแรงกดลดลง ทำให้ได้แรงยึดเกาะสูงสุดโดยไม่ทำลายกรีน น้ำหนักเพียง ประมาณ 370 กรัม และราคาประมาณ 1.8 ล้านรูเปียห์ จัดว่าคุ้มค่ามากเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีระดับรองเท้าสนีกเกอร์ประสิทธิภาพสูง

ข้อดี:

  • Flyknit ปรับเข้ารูปเท้าได้ดี โอบกระชับเหมือนถุงเท้า
  • Air Zoom strobel เด้งคืนพลัง ลดความล้าได้ดี
  • Piston spikes ยึดเกาะเยี่ยมโดยไม่ทำลายพื้นหญ้า

ข้อเสีย:

  • เนื้อผ้าถักเปื้อนโคลนง่าย ต้องทำความสะอาดด้วยแปรงขนนุ่ม
  • Flyknit ให้การปกป้องน้อยต่อวัตถุแหลมในรัฟ

9. Lacoste Men’s G Elite Golf Shoes

Lacoste Men’s G Elite Golf Shoes

โลโก้จระเข้ที่เป็นเอกลักษณ์สื่อถึงแฟชั่นสไตล์พรีพพี้ (preppy) และรุ่น G Elite ได้นำภาพลักษณ์นั้นมาผสานเข้ากับรองเท้ากอล์ฟสไตล์ Derby แบบทันสมัย ส่วน Upper ผลิตจากวัสดุสังเคราะห์พื้นผิวเรียบ (smooth-finish) ผสมกับแผง mesh ระบายอากาศบริเวณด้านข้าง (quarter) เพิ่มความเย็นสบาย โลโก้จระเข้ขนาดใหญ่แบบนูนช่วยเสริมเอกลักษณ์และบ่งบอกได้ชัดว่าสามารถใส่ออกนอกสนามได้อย่างลงตัว

แผ่นรองเท้า Ortholite® X40 แบบขึ้นรูปให้แรงเด้งสูง ช่วยคืนพลังขณะก้าวเดิน ขณะที่พื้นกลาง phylon น้ำหนักเบาช่วยซับแรงกระแทกเมื่อเดินบนทางคอนกรีต (cart-path) การยึดเกาะมาจากพื้นรองเท้ายาง rubber nubby ลายหกเหลี่ยม โดยมีกลุ่มปุ่ม pivot cluster วางตำแหน่งตรงใต้กระดูกฝ่าเท้า (metatarsal) เพื่อสนับสนุนการหมุนตัวในการไดรฟ์ แม้จะไม่กันน้ำ 100% แต่ Lacoste ก็เพิ่มชั้นเคลือบกันน้ำบาง ๆ เพื่อป้องกันน้ำค้างยามเช้าได้เพียงพอ

ราคาจำหน่ายทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 2.2 ล้านรูเปียห์ จัดเป็นตัวเลือกที่ดูมีสไตล์สำหรับนักกอล์ฟที่ต้องการความเอนกประสงค์ สามารถก้าวจากสนามเข้าสู่เลาจน์ของคลับได้ทันทีโดยไม่ดู “สปอร์ต” เกินไป

ข้อดี:

  • ทรง Derby แบบลำลอง เหมาะใส่นอกสนาม
  • แผ่นรอง Ortholite® เด้งสูง เพิ่มความสบายเมื่อเดินไกล
  • โลโก้จระเข้ไอคอนิก สะท้อนความมีระดับของแบรนด์

ข้อเสีย:

  • กันน้ำได้เพียงเล็กน้อย
  • ปุ่ม nubby ให้แรงยึดเกาะน้อยบนแฟร์เวย์ลื่นหลังฝนตก

10. PUMA GS One

PUMA GS One

ในฐานะ “พี่น้องร่วมค่าย” กับ Adidas, PUMA ใส่เอกลักษณ์ด้านดีไซน์ที่โดดเด่นลงในรุ่น GS One โดยใช้ Upper หนังสังเคราะห์สามสี (ดำ–ขาว–แดง) ตัดเย็บแบบเรียบสะอาดด้วยรอยเย็บน้อยที่สุด ให้ลุคที่ดูทันสมัยและล้ำอนาคต พื้นกลาง EVA foam มอบสัมผัสเบาสบายราวกับ “เดินบนก้อนเมฆ” พร้อมซับแรงกดได้ดี

พื้นรองเท้ายาง spikeless radial ออกแบบด้วยลวดลายวงกลมรัศมีที่ปลายเท้า และลาย X-ray ที่ส้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการหมุนตัวในจังหวะสวิง ขอบข้อเท้า (collar) แบบยืดหยุ่นให้ความรู้สึกสวมคล้ายถุงเท้า พร้อมห่วงจับด้านหลังเพื่อให้หยิบหรือพกพาง่าย น้ำหนักเพียง ประมาณ 330 กรัม ให้สมดุลระหว่างการปกป้องและความคล่องตัว ราคาประมาณ 1.6 ล้านรูเปียห์ จัดว่าคุ้มค่าเมื่อพิจารณาว่า PUMA ยังให้การรับประกันกันน้ำหนึ่งปี

ข้อดี:

  • สีตัดกันเด่นชัด สะท้อนสไตล์เฉพาะตัว
  • พื้นกลาง EVA นุ่ม เหมาะสำหรับการเดินออกรอบ (walking course)
  • ขอบข้อเท้ายืดหยุ่น ใส่ง่าย ลดการเสียดสีกับเอ็นร้อยหวาย

ข้อเสีย:

  • หนังสังเคราะห์อาจลอกได้หากโดนขีดข่วนรุนแรง
  • ลายยึดเกาะแบบ radial อาจสึกเร็วหากใช้บนพื้นผิวหยาบบ่อย ๆ

11. Ecco Golf Shoes SS23 Men’s Golf Core Magnet

Ecco Golf Shoes SS23 Men’s Golf Core Magnet

รุ่นนี้ผสานสไตล์สตรีตแวร์เข้ากับสมรรถนะในสนามกอล์ฟอย่างลงตัว โดย Upper ใช้ หนังเกรนเนื้อนุ่ม ผสมกับแผงวัสดุสังเคราะห์พื้นผิวเท็กซ์เจอร์และช่องระบายอากาศแบบเจาะรู (perforated) พร้อมคอรองเท้า (mesh collar) ไล่โทนสีเพื่อเพิ่มความล้ำสมัย

ชั้นเคลือบ Hydromax® ช่วยป้องกันหนังจากการดูดซับน้ำมากเกินไป ขณะที่พื้นนอก E-DTS Twist™—ซึ่งพัฒนามาจาก E-DTS รุ่นคลาสสิก—มาพร้อมปุ่มยางทรงสามเหลี่ยมที่หมุนองศา 45° เพื่อเพิ่มแรงยึดเกาะหลายทิศทางได้ดุดันยิ่งขึ้น แผ่นรองเท้า OrthoLite® แบบถอดได้ใช้สูตร high-rebound เพื่อคืนแรงเด้งสูง

ด้วยราคาประมาณ 3.9 ล้านรูเปียห์ รองเท้ากอล์ฟไฮบริดคู่นี้เหมาะสำหรับนักกอล์ฟรุ่นใหม่ที่ต้องการการเปลี่ยนผ่านจากถนนในเมืองสู่แท่นที (tee-box) อย่างไร้รอยต่อ โดยยังคงดีไซน์สไตล์สนีกเกอร์เอาไว้

ข้อดี:

  • ดีไซน์แฟชั่น ดูคล้ายสนีกเกอร์ไลฟ์สไตล์
  • Hydromax กันน้ำได้ดี เท้าอุ่นและแห้ง
  • พื้น Twist ให้แรงยึดเกาะสูงสุดในทุกมุมการเคลื่อนไหว

ข้อเสีย:

  • ดีไซน์ที่จัดจ้านอาจไม่เข้ากับ dress code แบบอนุรักษ์นิยม
  • ราคากลางค่อนไปทางสูงสำหรับกลุ่ม street-hybrid

12. Under Armour HOVR Fade 2 Golf

Under Armour HOVR Fade 2 Golf

ออกแบบมาสำหรับสภาพอากาศสุดขั้ว รุ่นนี้ใช้ Upper ไมโครไฟเบอร์กันน้ำ พร้อมการรับประกัน 2 ปี โครงสร้าง micro-hinge ที่ยืดหยุ่นช่วยให้รองเท้าปรับเข้ารูปตามเท้าได้อย่างเป็นธรรมชาติ ขณะที่ UA HOVR™ foam สร้างโครงรองรับบริเวณอุ้งส้น ช่วยซับแรงกระแทกและคืนพลังงานไปยังทุกก้าวถัดไป

พื้นรองเท้าด้านนอกติดตั้ง Champ Zarma Tour spikes ซึ่งเป็นปุ่มแบบ low-profile พร้อมเทคโนโลยี Rotational Resistance โดยปุ่มรอบนอกช่วยป้องกันการลื่นไถลด้านข้าง ส่วนปุ่มตรงกลางช่วยหยุดการหมุนตัวอย่างกะทันหัน UA ยังให้ เครื่องมือถอดเปลี่ยนปุ่ม มาพร้อมเพื่อความสะดวกในการบำรุงรักษา

ปลายรองเท้าถูกออกแบบให้โค้งมนเล็กน้อย (slightly rounded) เพื่อให้มีพื้นที่สำหรับการกางนิ้วเท้า (toe-splay) มากขึ้น ช่วยเพิ่มความมั่นคงตามธรรมชาติ ราคาประมาณ 2 ล้านรูเปียห์ ทำให้กลายเป็นรุ่นยอดนิยมในหมู่นักกอล์ฟระดับกลางที่เล่นในสนามเขตร้อนชื้น

ข้อดี:

  • โฟม HOVR ตอบสนองดี ลดอาการเจ็บส้นเท้า
  • ปุ่ม Champ ป้องกันการลื่นในรัฟเปียก
  • Upper ไมโครไฟเบอร์ทนทาน ทำความสะอาดง่าย

ข้อเสีย:

  • หนักกว่ารุ่น spikeless (ประมาณ 430 กรัม)
  • ดีไซน์ค่อนข้างอนุรักษ์นิยม มีสีให้เลือกน้อย

13. Ecco Men’s Golf Street 720

Ecco Men’s Golf Street 720

รุ่นนี้ลบเส้นแบ่งระหว่างรองเท้าในสนามและนอกสนามด้วยทรงสนีกเกอร์โลว์คัตสีขาวล้วน Upper ทำจาก หนังสปอร์ตแบบเจาะรู (perforated) เพื่อช่วยระบายอากาศ เสริมด้วย Gore-Tex Surround และช่องระบายอากาศในพื้นกลาง (midsole ventilation channels) ทำให้เท้าสามารถ “หายใจ” ได้จากทุกทิศทาง

พื้นรองเท้า E-DTS Twist คล้ายกับรุ่น Core Magnet แต่มีลายปุ่ม (lug pattern) ที่ลึกกว่า เพื่อให้ยึดเกาะพื้นถนนได้ดี น้ำหนักเบาเพียง ประมาณ 340 กรัม จึงเหมาะสำหรับใส่เป็นประจำทุกวัน—even ใช้เดินในสนามบินก่อนออกรอบก็ได้

ราคาประมาณ 4 ล้านรูเปียห์ เหมาะสำหรับมืออาชีพสายเมือง (urban professional) ที่ต้องการรองเท้าหนึ่งคู่ที่ทำได้ทั้งลุคแฟชั่นและประสิทธิภาพการเล่นกอล์ฟโดยไม่ลดทอนคุณภาพ

ข้อดี:

  • ลุคสนีกเกอร์สีขาวล้วนสะอาดตา
  • Gore-Tex Surround 360° ช่วยให้เท้าไม่อับชื้น
  • พื้น Twist ยืดหยุ่น ไม่รู้สึกแข็งแม้ขณะขับรถ

ข้อเสีย:

  • สีขาวเปื้อนง่าย ต้องดูแลมากเป็นพิเศษ
  • ปุ่มลึกอาจเก็บเศษกรวดเล็ก ๆ เมื่อต้องเดินบนทางเท้า

14. PGM XZ095 Slip‑On

PGM XZ095 Slip‑On

รุ่นนี้นำเสนอดีไซน์ สlip-on เพื่อความสะดวกรวดเร็ว ลดเวลาการสวมใส่โดยไม่ลดความปลอดภัย Upper ทำจาก หนังวัวเคลือบกันรอยขีดข่วน (Anti-Scratch) ผสานกับขอบข้อเท้า (collar) neoprene แบบยืดหยุ่น ให้ทั้งคุณสมบัติกันน้ำและความสบายในการยืดหยุ่นตามรูปเท้า

พื้นรองเท้า spikeless rubber ลายคลื่นถูกออกแบบมาเพื่อกระจายแรงกดได้อย่างสม่ำเสมอ เหมาะสำหรับผู้เล่นที่ไวต่อแรงกดจากปุ่ม spike พื้นกลางใช้ EVA ความหนาแน่นสูง พร้อมแผ่นรอง (cushion) ที่ถอดได้ ซึ่งทำหน้าที่เป็น waterproof sockliner ป้องกันความชื้นและช่วยให้เท้าอบอุ่นเมื่อต้องเล่นบนหญ้าเปียกยามเช้า

น้ำหนักเพียง ประมาณ 310 กรัม ทำให้รองเท้ารุ่นนี้เบาเป็นพิเศษเพราะไม่มีระบบเชือกผูก ราคาประมาณ 1.2 ล้านรูเปียห์ ถือเป็นตัวเลือกระดับกลางสำหรับนักกอล์ฟที่ต้องการความง่ายและรวดเร็วจากการใส่รองเท้าแบบไร้เชือก

ข้อดี:

  • ใส่ง่ายแบบ slip-on เหมาะสำหรับซ้อมที่ไดร์ฟวิ่งเรนจ์ก่อนทำงาน
  • หนังกันน้ำ ทำความสะอาดง่าย
  • พื้นลายคลื่นช่วยลดความเมื่อยฝ่าเท้า

ข้อเสีย:

  • ไม่สามารถปรับความกระชับได้เท่ารุ่นผูกเชือก
  • ดีไซน์เฉพาะทาง อาจไม่ถูกใจนักกอล์ฟทุกคนที่ไม่คุ้นเคย slip-on

15. Cole Haan GrandPro Ashland Golf – Men’s

Cole Haan GrandPro Ashland Golf – Men’s

รุ่นนี้ต่อยอดไลน์ไลฟ์สไตล์ของ Cole Haan ด้วยการผสมเทคโนโลยีที่ใช้ในสนามแฟร์เวย์ Upper ทำจาก ผ้าตาข่ายกันน้ำ (water-resistant mesh) พร้อมเคลือบ PU โปร่งใส เพื่อคงการระบายอากาศ ส่วนโครงรองรับกลางเท้า dynamic mid-foot shank ช่วยเพิ่มความมั่นคงในจังหวะเคลื่อนไหวด้านข้าง ขณะที่ บริเวณส้นเท้าบุนุ่ม ช่วยซับแรงกระแทกเมื่อต้องเปลี่ยนท่าหรือเดินบนพื้นแข็ง

ระบบยึดเกาะออกแบบอย่างสร้างสรรค์ โดยรวม primary cleats ไว้ในจุดรับแรงกดหลัก และเสริมด้วย secondary traction lugs ขนาดเล็กกระจายรอบพื้น เพื่อให้เหมาะกับนักกอล์ฟที่ต้องตีช็อตเข้ากรีน (approach shot) จากหลายตำแหน่งในสนาม น้ำหนักประมาณ 360 กรัม ให้ความสมดุลระหว่างการเดินออกรอบและการใช้รถกอล์ฟ ราคาประมาณ 3.1 ล้านรูเปียห์

ข้อดี:

  • Mid-foot shank ช่วยล็อกเท้าให้มั่นคงในจังหวะ overswing

  • ผ้าตาข่ายกันน้ำผสานการระบายอากาศและการปกป้อง

  • ดีไซน์ลำลอง เหมาะสำหรับใส่ต่อในเลาจน์ได้ทันที

ข้อเสีย:

  • แรงยึดเกาะเพียงพอ แต่ไม่เหนียวเท่าปุ่ม spike แบบดั้งเดิมในรัฟเปียก

  • โทนสี earth-tone อาจไม่ถูกใจผู้ที่ชอบสีสันสดใส

16. FootJoy Traditions 57924XW

FootJoy Traditions 57924XWด้วยประสบการณ์ยาวนานกว่าศตวรรษ FootJoy ได้นำเสนอดีไซน์คลาสสิกในรุ่น Traditions 57924XW โดยใช้ Upper หนังสังเคราะห์ ที่ทนต่อการยืดและผ่านการเคลือบเพื่อให้ดูคล้ายหนังแท้ ทรงหัวรองเท้าแบบ full rounded toe ช่วยเพิ่มพื้นที่ให้กับนิ้วเท้า ขณะที่ซับด้านในนุ่มเป็นพิเศษเพื่อลดการเสียดสีและป้องกันแผลพุพอง

พื้นรองเท้า DuraMax rubber มาพร้อมลายปุ่มยึดเกาะขนาดใหญ่ และระบบปุ่ม Fast Twist 3.0 cleat system ที่สามารถถอดเปลี่ยนได้ง่าย แผ่นรอง EVA Fit-Bed® ช่วยซับแรงกระแทกและลดแรงกดบนพังผืดใต้ฝ่าเท้า น้ำหนักประมาณ 390 กรัม จัดว่าเบาสำหรับรองเท้ากอล์ฟสไตล์คลาสสิกแบบมีปุ่ม มาพร้อมการรับประกันกันน้ำ 1 ปี และราคาประมาณ 2.6 ล้านรูเปียห์ ทำให้รุ่นนี้เป็นจุดลงตัวระหว่างความดั้งเดิมและประสิทธิภาพแบบสมัยใหม่

ข้อดี:

  • ดีไซน์สุภาพหรู เหมาะกับการแข่งขันอย่างเป็นทางการที่มีกฎแต่งกายเข้มงวด
  • ระบบปุ่ม Fast Twist ถอดเปลี่ยนได้ ช่วยยืดอายุการใช้งาน
  • แผ่นรอง EVA Fit-Bed ให้ความสบายแม้เดินครบ 18 หลุม

ข้อเสีย:

  • หนังสังเคราะห์มีอายุการใช้งานสั้นกว่าหนังแท้
  • ต้องขัดเงาเป็นประจำเพื่อให้ดูใหม่อยู่เสมอ

17. Rockport TS Golf Kiltie White/Tuscany Leather Waterproof

Rockport TS Golf Kiltie White/Tuscany Leather Waterproof

รุ่นนี้ผสานความคลาสสิกของรองเท้าหนังสไตล์ทางการเข้ากับสมรรถนะในสนามกอล์ฟ โดยใช้ Upper หนัง Tuscany สีขาวงาช้าง พร้อมลิ้นรองเท้าแบบ kiltie ลายหยัก ซึ่งเป็นดีไซน์วินเทจที่หาได้ยากในรองเท้าสมัยใหม่ การป้องกันน้ำมาจากเมมเบรน Hydro-Shield™ และการซีลตะเข็บภายใน

พื้นรองเท้า ActivSOLE™ ใช้วัสดุอีลาสโตเมอร์ที่ให้พลังงานตอบสนองสูง (high-energy return) มอบแรงเด้ง (bounce) ทำให้ก้าวเดินเบาสบาย ดีไซน์ปุ่มแบบไฮบริดช่วยให้มั่นคงบนแฟร์เวย์ และไม่ทำลายพื้นปูแข็ง เช่น พื้นทางเดิน ขนาดส้นสูง 1.5 ซม. ช่วยปรับท่าทางให้ตั้งตรงและลดความตึงของกล้ามเนื้อน่อง ราคาประมาณ 3.4 ล้านรูเปียห์

ข้อดี:

  • ดีไซน์ kiltie คลาสสิกและโดดเด่นในคลับเฮาส์
  • พื้น ActivSOLE ช่วยคืนพลังงานทุกย่างก้าว
  • หนัง Tuscany คุณภาพสูง ดูแลรักษาง่าย

ข้อเสีย:

  • สีขาวเปื้อนง่าย เสี่ยงต่อคราบดินโคลน
  • น้ำหนักมากกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อยเพราะโครงสร้างหนังทั้งชิ้น

18. Skechers GO Golf Elite 5

Skechers GO Golf Elite 5

รุ่นนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า Skechers—ซึ่งเป็นที่รู้จักจากรองเท้าไลฟ์สไตล์—สามารถผลิตรองเท้ากอล์ฟที่มีสมรรถนะสูงได้เช่นกัน Upper ทำจากวัสดุสังเคราะห์พร้อมตะเข็บตกแต่ง และเคลือบด้วย H2GO Shield ชั้นกันน้ำที่ช่วยให้เท้าแห้งอยู่เสมอ

จุดเด่นอยู่ที่ แผ่นรอง Arch Fit® ซึ่งเป็นผลจากงานวิจัยด้านพอดิเอทรี (podiatry) นานกว่า 20 ปี โดยดีไซน์ซัพพอร์ตอุ้งเท้าถูกพิสูจน์แล้วว่าสามารถลดแรงกดเฉลี่ยได้ถึง 20% นอกจากนี้ low-drop geometry ยังช่วยให้เท้าอยู่ใกล้พื้นมากขึ้น เพิ่มความมั่นคงในจังหวะการเล่น พื้นรองเท้า spikeless GRIPFLEX™ TPU มีความยืดหยุ่น ช่วยให้การถ่ายน้ำหนักจากส้นสู่ปลายเท้าบนแฟร์เวย์และระหว่างใช้รถกอล์ฟทำได้อย่างราบรื่น ราคาประมาณ 800,000–1,000,000 รูเปียห์ จัดว่าเป็นตัวเลือกคุ้มค่าสำหรับนักกอล์ฟสายฮอบบี้ น้ำหนักประมาณ 320 กรัม เบาแต่ยังคงความมั่นคง

ข้อดี:

  • Arch Fit® ได้การรับรองจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพเท้า ช่วยดูแลสุขภาพเท้าในระยะยาว
  • H2GO Shield กันน้ำได้สูงถึง 10,000 มม.
  • ราคาเข้าถึงง่ายเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีระดับพรีเมียม

ข้อเสีย:

  • วัสดุสังเคราะห์อาจไม่ดูหรูหราสำหรับทัวร์นาเมนต์ระดับสูง
  • สีและดีไซน์ค่อนข้างอนุรักษ์นิยม มีให้เลือกน้อย

19. Decathlon Inesis Ladies Golf Shoes

Decathlon Inesis Ladies Golf Shoes

Inesis จาก Decathlon มอบตัวเลือกที่คุ้มค่า ออกแบบมาเฉพาะสำหรับนักกอล์ฟผู้หญิง Upper ทำจาก โพลียูรีเทนสีขาวสะอาด จับคู่กับพื้นรองเท้า ยาง–TPU spikes สีแดงอ่อน น้ำหนักเพียง ประมาณ 303 กรัม เบามาก เหมาะสำหรับผู้เล่นที่เดินออกรอบบ่อย

ปุ่มยางแบบยืดหยุ่นใช้ดีไซน์ฟันดาว (star-teeth geometry) เพื่อกระจายแรงกดได้อย่างสมดุล ลดอาการเมื่อยล้า แผ่นรองด้านในทำจากผ้าเนื้อนุ่มช่วยซับความชื้น ขณะที่เมมเบรนกันน้ำช่วยให้เท้าแห้งปลอดภัยแม้ในสนามที่มีน้ำค้างหรือหลังฝนตก ราคาประมาณ 1.2 ล้านรูเปียห์ ทำให้รุ่นนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้หญิงที่เพิ่งเริ่มเล่นกอล์ฟแต่ต้องการอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน

ข้อดี:

  • น้ำหนักเบามาก ลดความเมื่อยล้า
  • โทนสีขาว–แดงดูสวยสะดุดตาและมีความเป็นผู้หญิง
  • ราคาย่อมเยาสำหรับมือใหม่ พร้อมฟีเจอร์ครบ (กันน้ำ + spikes)

ข้อเสีย:

  • Upper PU ทนรอยขีดข่วนน้อยกว่าหนังแท้
  • ปุ่มยางอาจทื่อหลังจากใช้งาน 50–60 รอบออกรอบ

สรุปปิดท้าย

การเลือกรองเท้ากอล์ฟควรคิดเช่นเดียวกับการลงทุนในไม้กอล์ฟ — ต้องคำนึงถึงรูปแบบการเล่น ความถี่ สภาพสนาม และสไตล์ส่วนตัว ตั้งแต่ Hazely Marva ราคาประหยัดไปจนถึง Ecco Biom C4 ที่มาพร้อมเทคโนโลยีล้ำสมัย รายการนี้ได้แสดงให้เห็นตัวเลือกที่ครอบคลุมทุกงบประมาณและความต้องการ

จงให้ความสำคัญกับ แรงยึดเกาะ (traction), ความสบายของการรองรับ (cushioning) และ การกันน้ำ (water protection) เป็นสามเสาหลักสำคัญ เมื่อเจอคู่ที่ใช่แล้ว ควรดูแลรักษาอย่างสม่ำเสมอ — ทำความสะอาดโคลน, ผึ่งให้แห้งตามธรรมชาติ และเปลี่ยนปุ่ม spike เมื่อถึงเวลา — เพื่อให้รองเท้ารักษาสมรรถนะได้ตลอดฤดูกาล หวังว่าลิสต์นี้จะช่วยให้คุณก้าวอย่างมั่นใจบนแฟร์เวย์ ยืนได้มั่นคงในจังหวะสวิง และเพิ่มความมั่นใจทุกครั้งที่เดินเข้าสู่กรีน

[ Follow our social media Account: GoGolf Instagram | GoGolf Facebook | GoGolf X ]