จนถึงปัจจุบัน ยังมีนักกอล์ฟเพียงไม่กี่คนที่รู้จัก ประวัติความเป็นมาของกีฬากอล์ฟ โดยส่วนใหญ่เลือกที่จะลงสนามเพื่อเล่นเกมที่เกี่ยวข้องกับลูกกอล์ฟและไม้กอล์ฟโดยตรงมากกว่า ทั้งที่จริงแล้ว ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์และต้นกำเนิดของกอล์ฟ ถือเป็นสิ่งที่ไม่อาจแยกออกจากพัฒนาการของกีฬาชนิดนี้ได้
ตามมุมมองของ GoGolf การทำความเข้าใจเรื่องราวประวัติศาสตร์ของกอล์ฟ จะช่วยปลูกฝัง ความภาคภูมิใจและความรัก ต่อกีฬาซึ่งมีต้นกำเนิดจาก สกอตแลนด์ แห่งนี้ได้มากยิ่งขึ้น
ต้นกำเนิดของกีฬากอล์ฟ

ประวัติของกอล์ฟมีรากฐานที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยข้อถกเถียง แม้หลายฝ่ายจะเห็นพ้องว่า กอล์ฟสมัยใหม่เริ่มต้นขึ้นที่สกอตแลนด์ราวศตวรรษที่ 12 แต่หลักฐานทางประวัติศาสตร์ก็แสดงให้เห็นว่า เกมที่คล้ายกอล์ฟมีการเล่นในหลายภูมิภาคทั่วโลกก่อนหน้านั้นมานานแล้ว
หนึ่งในเรื่องเล่าที่ได้รับความนิยมคือ บรรดาคนเลี้ยงแกะในสกอตแลนด์มักใช้ไม้ตีหินก้อนเล็กให้กลิ้งเข้าหลุมโพรงกระต่าย พื้นที่ที่ปัจจุบันคือ The Royal and Ancient Golf Club of St Andrews จึงถูกเชื่อว่าเป็นหนึ่งในจุดกำเนิดของกีฬานี้
อย่างไรก็ตาม หลักฐานทางประวัติศาสตร์ไม่ได้หยุดอยู่แค่ที่สกอตแลนด์ มีบันทึกว่าเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1297 ที่เมือง Loenen aan de Vecht ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีการเล่นเกมที่ใช้ไม้และลูกบอลหนัง โดยมีเป้าหมายให้ตีลูกไปถึงจุดหมายที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตร ในศตวรรษที่ 17 เกมลักษณะนี้แพร่หลายมากในเนเธอร์แลนด์ และนักประวัติศาสตร์บางคนมองว่าเป็นต้นแบบของกอล์ฟสมัยใหม่
ความน่าสนใจยิ่งขึ้นเมื่อในเดือนเมษายน ค.ศ. 2005 ศาสตราจารย์ หลิง หงหลิง แห่งมหาวิทยาลัยหลานโจว เผยแพร่งานวิจัยที่ระบุว่า เกมคล้ายกอล์ฟมีการเล่นในประเทศจีนตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถังใต้ (Southern Tang) ราว 500 ปีก่อนกอล์ฟถูกบันทึกครั้งแรกในสกอตแลนด์ เกมนี้เรียกว่า chuiwan (捶丸) โดย chui หมายถึง “ตี” และ wan หมายถึง “ลูกบอล” ในบันทึก Dōngxuān lù ของเว่ย ไถ (Wei Tai) แห่งราชวงศ์ซ่ง (960–1279) ได้อธิบายเกมนี้พร้อมภาพประกอบและรายชื่อไม้พิเศษ เช่น cuanbang, pubang และ shaobang ซึ่งเปรียบได้กับ driver, two-wood และ three-wood ในกอล์ฟยุคปัจจุบัน
ถึงแม้หลักฐานจะบ่งบอกว่าเกมคล้ายกอล์ฟเคยมีในหลายพื้นที่ แต่ Royal and Ancient Golf Club of St Andrews ยังคงยืนยันว่า รูปแบบกอล์ฟ 18 หลุม อย่างที่เรารู้จักในปัจจุบันนั้นถือกำเนิดขึ้นในสกอตแลนด์ และได้รับการตอกย้ำด้วย กฎหมายรัฐสภาสกอตแลนด์ในศตวรรษที่ 15 ที่เคยห้ามเล่น “gowf” เพราะเห็นว่าไปรบกวนการฝึกซ้อมทางทหาร แม้ยังมีข้อถกเถียงว่า gowf ในเวลานั้นคือกอล์ฟจริง ๆ หรือไม่ แต่ก็มีหลักฐานว่าคำว่า “golf” อาจมีรากมาจากคำภาษาดัตช์ kolf ที่แปลว่า “ไม้ตี”
ในท้ายที่สุด นักวิชาการส่วนใหญ่เห็นพ้องว่า แม้จะมีเกมลักษณะคล้ายกอล์ฟเกิดขึ้นในยุโรปและเอเชีย แต่การพัฒนารูปแบบสมัยใหม่ กติกาอย่างเป็นทางการ และสนามกอล์ฟถาวรแห่งแรก ล้วนเกิดขึ้นที่ สกอตแลนด์ จึงทำให้ประเทศนี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็น “บ้านของกอล์ฟสมัยใหม่”
พัฒนาการของสนามกอล์ฟ

ในช่วงแรกเริ่ม สนามกอล์ฟยังไม่ได้ถูกกำหนดให้มี 18 หลุม อย่างเช่นในปัจจุบัน ตัวอย่างที่ชัดเจนคือสนามกอล์ฟในตำนาน St Andrews Links ที่สกอตแลนด์ ซึ่งในศตวรรษที่ 15 มีเพียง 11 หลุม บนที่ดินแคบที่เป็นของสมเด็จพระราชินีแมรี่ นักกอล์ฟจะเริ่มเล่นจากหลุมแรกใกล้คลับเฮาส์ ไปจนถึงหลุมที่ไกลที่สุด จากนั้นจึงหันกลับมาเล่นซ้ำในหลุมเดิมย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้น รวมแล้วได้ 22 หลุมต่อหนึ่งรอบการเล่น
ต่อมาในปี 1767 มีบางหลุมที่ถูกมองว่าอยู่ใกล้กันเกินไป จึงถูกปรับรวมเข้าด้วยกัน ทำให้สนามเหลือเพียง 9 หลุม ที่เล่นไป-กลับ กลายเป็น 18 หลุม ซึ่งต่อมากลายเป็นมาตรฐานสากลจนถึงปัจจุบัน และถูกนำไปใช้เป็นแบบแผนในการออกแบบสนามกอล์ฟทั่วโลก
นอกจากจำนวนหลุมแล้ว ลักษณะของสนามก็มีความแตกต่างกันไป สนามบางแห่งสร้างขึ้นริมทะเลบนดินทราย เรียกว่า Links ซึ่งมักเผชิญความท้าทายจากลมแรงและพื้นผิวไม่เรียบ ทำให้นักกอล์ฟต้องใช้ทักษะการปรับตัวสูง สนามกอล์ฟเก่าแก่ที่สุดในโลกที่ยังคงใช้งานอยู่คือ The Old Links ที่ Musselburgh Racecourse โดยมีหลักฐานการเล่นตั้งแต่ปี 1672 และยังมีบันทึกว่า สมเด็จพระราชินีแมรี่ เคยทรงเล่นกอล์ฟที่นั่นตั้งแต่ปี 1567
เมื่อเวลาผ่านไป สนามกอล์ฟสมัยใหม่ได้รับการออกแบบให้ซับซ้อนขึ้น มีทั้ง บังเกอร์ หลุมทราย บ่อน้ำเทียม และพื้นที่รัฟ (rough) ที่เพิ่มความท้าทายให้กับผู้เล่น จนทำให้กอล์ฟไม่ใช่แค่กีฬาแห่งการตีลูกให้เข้าหลุม แต่กลายเป็น การผสมผสานระหว่างกลยุทธ์ ทักษะทางเทคนิค และการปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมของสนาม
วิวัฒนาการของอุปกรณ์กอล์ฟ

พัฒนาการของอุปกรณ์กอล์ฟถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่หล่อหลอมให้กอล์ฟมีรูปแบบอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน
ในยุคแรก ๆ ไม้กอล์ฟทำจากไม้ท้องถิ่น ต่อมาเลือกใช้ ไม้ฮิคคอรี (Hickory) สำหรับก้าน เนื่องจากมีความแข็งแรง ส่วนหัวไม้ทำจาก ไม้เพอร์ซิมมอน (Persimmon) ซึ่งแข็งและทนทานสูง ลูกกอล์ฟในสมัยแรกทำจากไม้เช่นกัน แต่ราวศตวรรษที่ 17 ถูกแทนที่ด้วย ลูกกอล์ฟขนห่าน (Featherie) ที่ยัดขนห่านลงในหนังวัวที่เปียก จากนั้นเย็บปิดและทำให้แห้ง เมื่อขนห่านขยายตัวก็ทำให้ลูกมีความแข็งและกระเด้งดี
การปฏิวัติครั้งใหญ่เกิดขึ้นในปี 1848 เมื่อมีการประดิษฐ์ ลูกกอล์ฟ gutty จากยางกัตตาเพอร์ชา ซึ่งทนทานและราคาถูกกว่ามาก จึงกลายเป็นที่นิยมจนถึงช่วงทศวรรษ 1890 ต่อมาในปี 1898 Coburn Haskell ร่วมกับ BF Goodrich Company เปิดตัว ลูกกอล์ฟแกนยาง (rubber-core ball) ที่มีแกนยางแข็ง พันด้วยเส้นยาง และเคลือบด้วยกัตตาเพอร์ชา กลายเป็นมาตรฐานใหม่แทนลูก gutty
ทางด้านไม้กอล์ฟ ในช่วงปลายทศวรรษ 1890 Thomas Horsburgh ทดลองผลิตก้านเหล็ก แต่การใช้อย่างเป็นทางการได้รับอนุมัติจาก Royal and Ancient Golf Club of St Andrews ก็ต่อเมื่อ เจ้าชายแห่งเวลส์ ใช้ในการเล่นในปี 1929 นักกอล์ฟ Billy Burke ยังเป็นผู้เล่นคนแรกที่คว้าแชมป์เมเจอร์ด้วยไม้ก้านเหล็ก ในศึก US Open ปี 1931
เข้าสู่ทศวรรษ 1970 เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากการเปิดตัว ก้านกราไฟต์ ที่เบาและยืดหยุ่นมากกว่า ต่อมาในช่วงต้นทศวรรษ 1980 หัวไม้โลหะเริ่มแทนที่ไม้แบบดั้งเดิม และในยุคปัจจุบันใช้วัสดุ ไทเทเนียม ที่มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรงสูง ทำให้สามารถออกแบบหัวไม้ขนาดใหญ่โดยไม่เพิ่มน้ำหนักเกินจำเป็น ขณะเดียวกัน ลูกกอล์ฟก็พัฒนามาใช้ โพลีเมอร์สังเคราะห์ เช่น Surlyn ที่ทนทานกว่า balata แบบดั้งเดิม
ที่มาและแง่มุมทางวัฒนธรรมของคำว่า “กอล์ฟ”

คำว่า “กอล์ฟ” (golf) ถูกบันทึกเป็นครั้งแรกในกฎหมายของรัฐสภาสกอตแลนด์เมื่อปี ค.ศ. 1457 ซึ่งในขณะนั้นได้มีการ สั่งห้ามการเล่น “gouf” เพราะถูกมองว่าเป็นกิจกรรมที่รบกวนการฝึกยิงธนูของทหาร เพื่อเตรียมความพร้อมในการทำสงครามกับอังกฤษ
มีความเป็นไปได้ว่าวิธีเรียก “golf” นั้นมีที่มาจากคำในภาษา สกอตแลนด์โบราณ “goulf” ที่แปลว่า การตี หรือจากคำในภาษา ดัตช์ “kolf” ที่หมายถึง ไม้สำหรับตีลูกบอล ซึ่งต่อมาถูกปรับเสียงและรูปแบบจนกลายมาเป็นคำว่า “golf” ที่ใช้กันทั่วโลกในปัจจุบัน
คำสั่งห้ามเล่นกอล์ฟนี้ถูกประกาศซ้ำอีกครั้งในปี ค.ศ. 1452 โดยพระเจ้าเจมส์ที่ 2 (King James II) เนื่องจากทรงกังวลว่าทหารจะหมกมุ่นอยู่กับการเล่นกอล์ฟมากเกินไปจนละเลยการฝึกซ้อมทางทหาร แต่ถึงอย่างนั้น ความนิยมของกอล์ฟกลับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมสกอตแลนด์ และในเวลาต่อมาก็แพร่หลายไปยังอังกฤษและทั่วโลก
นอกจากมิติทางภาษาแล้ว กอล์ฟยังกลายเป็น สัญลักษณ์ของสถานะทางสังคม โดยเฉพาะในยุคแรก ๆ ที่อุปกรณ์มีราคาสูง การเป็นสมาชิกสโมสรมีความพิเศษ และต้องใช้เวลามากในการเล่น ทำให้กอล์ฟถูกมองว่าเป็นกีฬาของชนชั้นสูงและผู้มั่งคั่ง อย่างไรก็ตาม เมื่อกาลเวลาผ่านไป กอล์ฟก็ได้กลายเป็น กีฬาที่เข้าถึงได้สำหรับทุกคน ด้วยการมีสนามสาธารณะมากขึ้น เทคโนโลยีอุปกรณ์ที่ราคาย่อมเยา และการแข่งขันระดับนานาชาติที่ช่วยขยายฐานผู้เล่นทั่วโลก.
[ Follow our social media Account: GoGolf Instagram | GoGolf Facebook | GoGolf X ]